เวลามักผ่านไปเร็วเสมอ…
“เฮ้ย! ธันวาแล้วเหรอ ยังไม่ทันทำอะไรเลย (ปีที่แล้วก็บ่นแบบนี้)”
ประโยคคุ้นหูที่ผมมักได้ยินเสมอในกลุ่มเซลล์ทุก ๆ ปี เชื่อว่าเราหลาย ๆ คนมักมีการตั้งเป้าหมายในแต่ละปี ในกลุ่มเซลล์ของผม มักมีกิจกรรมที่เราทำด้วยกันทุกปีคือการ “ตั้งเป้าหมายประจำปี” โดยทุกคนจะได้กระดาษแผ่นเล็ก ๆ 2 ใบ ให้เขียนเป้าหมายเอาไว้สองชุดชุดนึงเก็บรวมกันไว้ อีกชุด เอากลับบ้านให้แสลงใจเล่น โอเคครับ! มันเป็นเรื่องดีที่เราจะแน่วแน่ในการทำเป้าหมายเหล่านั้นให้สำเร็จ แต่อนิจจา … บ่อยครั้งความพยายามมักจบลงอย่างรวดเร็วไม่ต่างกับกับพลุวันปีใหม่ เป้าหมายสวยหรูอยู่กับเราซักพักก่อนจะสลายกลายเป็นฝุ่นผง
มีคำพูดว่า “วันนี้คือผลมาจากเมื่อวาน และพรุ่งนี้คือผลของวันนี้” ปัญหาก็คือ เมื่อวานของเราๆ มักไม่ค่อยน่าอภิรมย์ซักเท่าไหร่ ส่วนวันนี้น่ะเหรอก็ไม่ต่างกับเมื่อวานนักหรอก… ดังนั้น เราหลาย ๆ คนจึงสามารถทำนายอนาคตของตัวเองได้อย่างง่ายดายเลยว่ามัน คือ ไม่เวิร์กแน่ ๆ!
“โนบิตะ” เป็นตัวอย่างหนึ่งของความล้มเหลวในปัจจุบันที่จะส่งผลไปถึงอนาคต ในการ์ตูนโดเรม่อน มีตอนหนึ่งที่ โนบิตะในโลกอนาคต ซึ่งอยู่ ม.ต้น ต้องเดินทางผ่านไทม์แมชชีนมาเพื่อ บังคับขู่เข็ญตัวของเขาในปัจจุบันให้ตั้งใจเรียนหนังสือ และต่อมาโนบิตะในอนาคตอันไกลกว่าซึ่งอยู่ ม.ปลาย ก็ย้อนกลับมาตามหา โนบิตะ ม.ต้น ให้กลับไปติวหนังสือ เพราะเขากำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยและรู้สึกว่าตัวเองฉลาดน้อยเกินไปจึงต้องกลับมาเคี่ยวเข็ญตัวเองในอดีตให้ฉลาดมากขึ้น เรื่องนี้ชวนให้คิดว่าคนเรามักอยากจะแก้ไขอดีตเสมอเพื่อทำให้อนาคตตัวเองดีขึ้น … แต่! ในความเป็นจริงมันไม่มีไทม์แมชชีน และเราก็ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรในเวลาที่ผ่านมาได้นี่สิครับ >.<
เราแก้ไขอดีตไม่ได้ พอเราตั้งใจจะทำวันนี้ให้ดีเราก็ยังทำไม่ค่อยได้อีก!!
ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่เราไม่อยากจะพบเจอ สำหรับบางคนการไม่สำเร็จตามเป้านั้นสร้างความเฟล และเจ็บปวดใจอยู่เหมือนกัน แม้ไม่ได้เป็นเรื่องในจิตวิญญาณซะทีเดียว แต่การล้มเหลวในด้านวินัย หรือชีวิตประจำวัน เช่น ตื่นเช้า ลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย กินคลีน อ่านพระคัมภีร์ให้จบเล่ม ตั้งใจเรียน เก็บเงินไปเที่ยว ฯลฯ ก็อาจสร้างความผิดหวังในตัวเองได้ แม้การพ่ายแพ้ต่อความง่วงและความหิวไม่ใช่ความบาป แต่ก็เป็นเรื่องที่ทำให้เรารู้ว่า เนื้อหนังของเราช่างเก่งเกินจิตใจของเราซะจริง นั่นเพราะว่า การผิดหวังในตัวเองในความคาดหวังต่อตัวเองไม่ใช่เรื่องแปลกเลย แม้ขนาดผู้รับใช้ที่ยิ่งใหญ่ก็ผิดหวังในตัวเองบ่อยครั้ง “โอย ข้าพเจ้าเป็นคนน่าสมเพชอะไรเช่นนี้?” อาจารย์เปาโลยังพูดแบบนั้น ในโรม บทที่ 7 ☺
รู้หรือไม่ไทม์แมชชีน มีอยู่ในชีวิตจริง?
ความจริงไทม์แมชชีนในชีวิตจริงก็พอมีอยู่นะครับ … ก็คือ พระคัมภีร์นี่แหละ!!! อู้วววว หูวววว์ ผมไม่ได้กำลังจะแถให้เข้าข้อพระคัมภีร์ให้ได้นะครับ แต่การเรียนรู้จากความผิดพลาดของผู้อื่น ก็จะช่วยแก้ไขเราให้อนาคตของเราดีขึ้นได้ อาจารย์เปาโล คือ โดเรม่อน ที่เขียนจดหมายเตือนสติผู้คนให้เรา ๆ กลับมาอยู่ในร่องในรอย ก่อนที่ชีวิตของเราจะพังพินาศย่อยยับและพบกับอนาคตที่ยับเยินย่ำแย่
พวกเราก็คือ โนบิตะ ที่สอบตกได้เกรด 0 ในทุกวิชาทั้งชีวิตประจำวัน และความเชื่อ แต่ถ้าเราเรียนรู้จากพระคัมภีร์ให้ดีเราก็จะผิดพลาดน้อยลง และแม้ว่าจะผิดพลาดไปแล้ว แก้ไขใหม่ด้วยการลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วและมุ่งไปข้างหน้ากันนะครับ ☺
“พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าฉวยไว้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมา แล้วโน้มตัวไปยังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า” (ฟีลิปปี 3:13)
การดำเนินชีวิตคริสเตียน ก็เหมือนการวิ่งแข่งมาราธอน คือใช้ระยะเวลาและแรงกายอย่างมาก สิ่งที่เราต้องทำก็คือ ‘บากบั่นและอดทน’ แต่ในที่สุด เราก็จะได้รับชัยชนะในอนาคตนะ เพื่อให้เราก้าวไปข้างหน้าพระเจ้าทรงให้บททดสอบยาก ๆ กับทุกคนที่พระองค์ทรงรัก อุปสรรคขวากหนามทำให้เราเติบโตและแข็งแกร่ง ถ้าเราเป็นนักกีฬาลงแข่งขัน โดยไม่มีคู่แข่งที่สูสี หรือ ไม่มีอุปสรรค ชัยชนะก็คงไม่หอมหวานนะครับ ☺
“และข้าพเจ้าบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัลคือการทรงเรียกแห่งเบื้องบนซึ่ง
มีในพระเยซูคริสต์” (ฟีลิปปี 3:14)
ลองหนุนใจตัวเอง ด้วยการเขียนจดหมายให้ตัวเอง
อ่านแล้วแอบงงไหมครับ? แน่นอนเราให้กำลังใจตัวเองในทุกวัน ยกเว้นวันที่เราไม่มีแรง แล้วในวันที่เราไม่มีแรงจดหมายนี้จะช่วยเราได้ ในเซลล์ของผมนอกจากจะมีกิจกรรมเขียนเป้าหมายแล้วพยายามทำเป้าหมายให้สำเร็จนั้นแล้ว ยังมีอีกกิจกรรมหนึ่งด้วยซึ่งมันค่อนข้างสร้างสรรค์กว่ากิจกรรมแรกและไม่พาจิตตก ก็คือ การเขียนจดหมายหาตัวเอง โดยเราจะเขียนสิ่งที่เราอยากบอกกับตัวเองหรือคุยกับตัวเองไว้ …
“เป็นยังไงบ้าง ปัญหาที่ผ่านมาโอเคดีรึเปล่า?”
“เป้าหมายที่ตั้งไว้สำเร็จไหม ถ้าไม่ ไม่เป็นไรนะ”
“เราอยากบอกว่า…เราเข้าใจนาย”
“อย่ารู้สึกผิด ที่ตัดสินใจแบบนั้น พระเจ้าอยู่เคียงข้างนะ สู้ๆ นะตัวเอง จุ๊บๆ”
สารพัดความรู้สึกต่อตัวเอง ที่เป็นเหมือนการสะท้อนโลกภายใน และทำให้เราได้รู้ว่า “เหยยยย มันดีจริงๆ ที่มีคนเข้าใจเรา” แต่ละปีที่ได้เปิดจดหมายออกอ่าน มันทำให้ขนลุกน้ำตาแทบไหล เราอาจจะยังไม่รู้ว่า ตัวเราในอนาคตจะเป็นยังไง แต่ตัวเราในอนาคตจะรู้ว่า ตัวเราในวันนี้เป็นยังไง ถึงตอนนั้น เป้าหมายอาจจะยังไม่สำเร็จ แต่ก็อย่าละเลยที่จะชื่นชมความพยายามที่ได้ทำไปแล้วนะครับ การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างต้องใช้เวลา
ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เราจะรู้สึกเสียใจกับตัวเราในอดีตที่ทำผิดพลาดหลายอย่าง และนั่นทำให้เรากลัวว่าตัวเองจะต้องเสียใจในอนาคตด้วย แต่ความจริงก็คือ อนาคตยังมาไม่ถึง และเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าในอนาคตเราจะเสียใจกับเรื่องเดิมๆ ไหม แต่จงอย่าให้ตัวเราในอนาคตต้องเสียใจกับตัวเราในวันนี้ จงเริ่มต้นทำสิ่งดี ๆ ให้ตัวเอง แม้อาจไม่ดีสมบูรณ์ในวันนี้ แต่พรุ่งนี้มันจะดีกว่าเก่าแน่นอน แม้ปีนี้เป้าหมายของคุณอาจจะล้มเหลว แต่จงมั่นใจเถอะครับว่าพระเจ้าผู้ทรงนำชีวิตของเราจะนำเราสู่ปลายทางที่ดีและสวยงาม แล้วอีก 1 ปีข้างหน้า จดหมายที่เราเขียนเอาไว้อาจทำให้เราขอบคุณตัวเราในวันนี้ก็ได้นะ 🙂
วันนี้… เรายังไม่รู้จักตัวเราในอนาคตหรอก แต่ตัวเราในอนาคตรู้จักเราแน่นอน และที่สำคัญที่สุด พระเจ้ารู้จักเราตั้งแต่อดีตจนถึงอนาคต ถ้าเราไม่มั่นใจว่าเราจะทำได้ไหมลองมั่นใจในพระเจ้าดูนะ เพราะมีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า
“เรารู้ว่า พระเจ้าทรงช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง คือคนทั้งปวงที่พระองค์ได้ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์”- (โรม 8:28)
ด้วยรักและปีใหม่ 2017
ติดตาม #Featured คอลัมน์บทความทันกระแส ที่หยิบจับทุกเรื่องราวมามองใหม่ในมุมมองคริสเตียน ได้ทุกวันพฤหัสบดีสีส้ม ที่ ชูใจ Project นะคะ 🙂
Related Posts
- Author:
- Blogger ผู้มากความสามารถในงานเขียน เป็นคริสเตียนที่เรียนสังคมวิทยา ฯ มาอย่างโชกโชน สเตตัสปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระ และ รับใช้พระเจ้าไปด้วย :)
- Illustrator:
- Jostar
- พี่ชายผู้อบอุ่นละมุนละไม เวลาใส่หมวกกันน๊อคแล้วนั่ลล๊าคดั่ง Pororo อดีตมาสเซอร์วิชาสอนศิลปะ ปัจจุบันถวายตัวรับใช้ที่โบสถ์สไตล์ลอฟๆ ชอบขีดๆ เขียนๆ วาดๆ
- Editor:
- Jick
- บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง