คนต้นเรื่อง : https://choojaiproject.org/category/articles/life-series/journey-with-logoshope/
อ่านล่องไปกับเรือทุกตอนได้ที่ :.
“This is our ship MV Logos Hope. The largest floating book fair in the world”
(นี่คือเรือโลโกสโฮป เป็นร้านหนังสือลอยน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก)
______________________________
ฉันได้ยินประโยคนี้เกือบทุกวันในช่วงที่ทำงานเป็น Event Catering Manager หื้ม อะไรนะ?!? ใช่ค่ะ ‘ผู้จัดการแผนกจัดเลี้ยง’ เป็นงานที่สองที่ฉันได้รับมอบหมายให้ทำหลังจากทำงานในห้องครัวได้ 7 เดือน
.
ภายในเรือ นอกจากร้านขายหนังสือแล้ว ยังมีการจัดอีเว้นท์ต่างๆ เช่น งานเปิดร้านหนังสืออย่างเป็นทางการในแต่ละท่าเรือ การประชุมสัมมนาผู้นำ งานขอบคุณผู้สนับสนุน งานระดมขอทุน เป็นต้น ซึ่งงานเหล่านี้ต้องการ ผู้จัดการคอยดูแลเรื่องอาหาร อาหารว่าง ชา กาแฟ หาพนักงานเสริฟ หรือแม้กระทั่ง จัดโต๊ะอาหารให้สวยงามตามระเบียบของการจัดโต๊ะสากลนั่นเองค่ะ ฉันเต็มใจรับหน้าที่นี้ทันทีที่ผู้จัดการแผนกเสนอ เพราะเป็นงานที่ฉันอยากจะเรียนรู้ และรู้สึกท้าทาย แต่ข้อแม้หนึ่งของงานนี้ก็คือ ฉันต้องทำงานคนเดียว และต้องหาผู้ช่วยเอง! เอาสิ มาลองดูกัน!
การที่ต้องเริ่มงานทั้งหมดด้วยตัวเองหลังจากได้รับการเทรนแค่ 5 นาทีไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ ฉันแทบนึกภาพไม่ออกว่าเจ้างานจัดเลี้ยงเนี่ย มันเป็นยังไง จึงได้แต่ค่อยๆ เรียนรู้ไปจากการทำงาน ส่วนที่ดีที่สุดของหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในครั้งนี้คือ ฉันได้เรียนรู้ว่าตัวฉันเองสามารถทำได้มากกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ซะอีก!
.
เคล็บลับที่สำคัญของการทำงานคนเดียวคือ ‘การจัดการที่ดี’ค่ะ
การทำงานเป็นผู้ดูเลงานอีเว้นท์ที่เกาหลี 3 เดือน เป็นฝันร้ายสำหรับฉันเลยก็ว่าได้ ช่วงนั้นมีการจัดงานต่างๆแทบทุกวัน แถมบางวันยังจัดตั้ง 3 งานเข้าไปอีก ฉันวิ่งขึ้นลงจากชั้น 3 – ชั้น 6 จนเป็นเรื่องปกติ แต่ละสัปดาห์ฉันต้องหิ้วผ้าปูโต๊ะ 10 -15 ชุดจากแผนกซักรีดขึ้นไปบน Main Lounge และต้องเช็ดเเก้วกว่า 250 ใบให้เงาวับเงียบๆ เพียงลำพังคนเดียว มันเป็นช่วงเวลาที่หนักหนาสาหัสสำหรับฉันมาก แต่ละวันหลังจากเสร็จงาน ฉันออกไปร้องไห้คนเดียวที่ท่าเรือทุกคืน
.
“ฉันไม่ได้เตรียมตัวมาเจอกับสิ่งนี้ ฉันมาทำอะไรที่นี่กันแน่ ?
ทำไมฉันต้องทำงานหนักขนาดนี้คนเดียว ?
นี่คืองานของมิชชั่นนารีจริงๆ เหรอ ?”
.
ฉันร้องต่อพระเจ้าอีกครั้งด้วยคำถามเดิมๆ
.
แต่พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ทรงย้ำเตือนฉันอีกครั้งเช่นกันว่า
.
‘เจ้ามาที่นี่เพื่อเรียนรู้และรับใช้นะ ทีน่า จำสิ่งนี้เอาไว้นะ’
.
และยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ทรงปลอบประโลมฉันด้วยการส่งคนมาทำงานร่วมกับฉัน ทุกครั้งเวลาที่ฉันต้องการ พระองค์ก็จะทรงส่งใครสักคนมาช่วยเสมอ พระเจ้าทรงแสนดีตลอดเวลาจริงๆ ค่ะ
จากงานนี้ ฉันได้เรียนรู้เรื่องการวางแผน การจัดการ ความยืดหยุ่น และการขอความช่วยเหลือ ฉันได้เข้าใจมากขึ้นว่า เราไม่ได้เดินอยู่คนเดียวบนเรือลำนี้ เพื่อนๆ ที่นี่มาเพื่อจะช่วยเหลือกัน ดังนั้นถ้าเรารู้ตัวว่าเราไม่สามารถรับมือสิ่งนั้นได้เพียงลำพัง ก็จงเรียนรู้ที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นแทน
.
หลายคนอาจจะสงสัยแล้วว่า เจ้างานที่ฉันทำมาปีกว่าๆ เนี่ย มันเกี่ยวกับพันธกิจหลักของเรือยังไง คนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าหน้าที่ของเรือลำนี้คือการออกไปประกาศ หรือขายหนังสือเพียงเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วยังมีงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกันอยู่เบื้องหลังด้วยค่ะ โดยแผนกหลักๆ ในเรือที่ลูกเรือส่วนใหญ่ต้องทำงาน จะแบ่งออกเป็น 3 แผนก อธิบายสรุปคร่าวๆ ได้ตามนี้ค่ะ
1. MOP (Marine Operations แผนกปฏิบัติการทางน้ำ)
เราเรียกแผนกนี้ว่า ม็อบ MOP ค่ะ เป็นแผนกที่สำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนตัวเรือ ประกอบไปด้วย
– Deck เป็นแผนกขับเรือและกำหนดเส้นทางเดินเรือ ดูแลความปลอดภัยภายในและภายนอกเรือแผนกนี้เปรียบเสมือน สมองของเรือ และกัปตันเรือก็อยู่ในแผนกนี้ค่ะ
– Technical Admin & Purser (แผนกดูแลเรื่องวีซ่าของทุกคนในเรือและคอยประสานงานติดต่อกับกรมท่าเรือของแต่ละประเทศ) แถมทำให้เราไม่ต้องห่วงเรื่องพาสปอร์ตหาย เพราะแผนกนี้จะคอยดูแลจัดการให้ด้วย
– Engine Room (แผนกห้องเครื่องยนต์ใต้ท้องเรือ) ดูแลเครื่องยนต์ให้ทำงานได้อย่างราบรื่น ไม่ติดขัดหรือกระตุก เปรียบเสมือนหัวใจของเรือเลยก็ว่าได้
– Electricians (แผนกช่างไฟ) เป็นแผนกที่ต้องมีประสบการณ์ด้านช่างไฟโดยเฉพาะ และถ้าเป็นคนสัญชาติเยอรมันหรือ สวิส-เยอรมันจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ เพราะอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกอย่างสั่งซื้อจากเยอรมัน
– Maintenance Team (แผนกซ่อมบำรุง) เช่น ช่างประปา ช่างเชื่อม ช่างไม้ เป็นต้น
2. HOT (Hotel Service แผนกบริการ)
พวกเรามักเรียกว่า HOT-CAT (แมวร้อนซ่า!) แบ่งย่อยออกเป็น
– HOT คือ Hotel Service เป็นแผนกทำความสะอาดภายในเรือ ทุกที่ ทุกแห่ง เช่น ล้างห้องน้ำ ดูดพรม เช็ดราวบันได เช็ดผนัง เช็ดพื้น ซักผ้า เป็นต้น ลูกเรือส่วนใหญ่ในแผนกนี้จึงเป็นเป็นผู้หญิง เราจึงเรียกสั้นๆ ง่ายๆ ว่าแผนกนางฟ้า (Angel)
– CAT คือ Catering Service เป็นแผนกที่ฉันทำงานอยู่ ทำหน้าที่ดูแลเรื่องปากท้องเป็นหลัก ทั้งทำกับข้าว เสริฟน้ำชา กาแฟ รวมไปถึงการล้างจานและขายไอศครีมในร้านหนังสือด้วย ถ้าต้องการให้ท้องอิ่มก็ให้เรียกหาเรานั่นเอง!
3. แผนกที่สาม คือ Public Ministries หรือ Book Fair
เป็นแผนกร้านหนังสือค่ะ แผนกนี้ต้องคอยต้อนรับผู้คนนับร้อย นับพันต่อวัน ด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายสวัสดีตลอดเวลา เปรียบเสมือนเป็นหน้าตาของเรือ บางส่วนทำงานเช็คสต๊อกหนังสือ ติดป้ายราคา เอาหนังสือขึ้นชั้น จัดหนังสือให้ดูดี บ้างเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ สอบ-ถาม ให้ข้อมูล ขายตั๋วเข้าเรือ เป็นแคชเชียร์คิดราคาหนังสือ เป็นต้นค่ะ
______________________________
นอกจากแผนกใหญ่ๆ สามแผนกที่ว่าแล้ว ก็ยังมีแผนกเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นฝ่ายสนับสนุนด้วยค่ะ เช่น หมอ หมอฟัน พยาบาล แผนกสื่อสาร อัพเดทFacebook/Blog ช่างภาพนิ่ง ช่างวิดีโอ ช่างตัดต่อ ผู้สื่อข่าว ฝ่ายเสียง แสง ไฟ แผนกหาทุนสนับสนุน แผนกไอที แผนกการเงินและไปรษณีย์ ฝ่ายบุคคล ครู หรือแผนกอบรม เป็นต้น
ทุกงานในเรือเกี่ยวเนื่องสอดคล้องกันหมด บ้างทำงานเป็นทีมใหญ่หลายสิบคน บ้างทำงานคนเดียว เรือจะล่องทะเลไม่ได้ถ้าไม่มีคนทำงานในห้องเครื่องและคนเดินเรือ เรือจะมีกลิ่นเหม็นและสกปรก ถ้าไม่มีคนทำความสะอาดทุกวัน ลูกเรือจะทำงานไม่ได้ถ้าเขาไม่มีข้าวให้กิน ท้องไม่อิ่ม ร้านหนังสือจะยุ่งเหยิง ไม่มีระเบียบถ้าไม่มีพนักงานร้านหนังสือคอยจัดการทุกอย่าง
.
งานทุกส่วนส่งเสริมซึ่งกันและกัน แม้แต่งานที่เห็นว่าเล็กน้อย แลดูไม่สำคัญ ก็ยังทำให้พันธกิจของเรือดำเนินไปได้ เปรียบได้กับอวัยวะในร่างกายของเราเองที่ทำหน้าที่ต่างกันแต่มีร่างกายเดียวกัน ทุกส่วนในร่างกายมีหน้าที่แตกต่างกันแต่ส่งเสริมกัน เพื่อให้ร่างกายทำงานได้ดี ดูดี มีระเบียบ เช่นเดียวกัน ทุกคนในเรือรับใช้พระเจ้าด้วยต่างหน้าที่กัน แต่เรายึดมั่นในเป้าหมายเดียวกัน คือ เราจะนำความรู้ ความช่วยเหลือและความหวังไปสู่ทุกเมืองที่เรือไปเยือน
ลูกเรือแต่ละคนขึ้นเรือมาเพื่อรับใช้พระเจ้าด้วยของประทานที่แตกต่างกัน บางคนทำงานในห้องเครื่อง แต่ชอบพูด ชอบประกาศเรื่องพระเจ้า เมื่อทำงานเสร็จเขาก็จะออกเรือไปพูดคุยพบปะกับผู้คนท้องถิ่น ยืนคุย นั่งคุย ประกาศเรื่องของพระเจ้า นำผู้คนรับเชื่อก็มากหลาย หรือบางคนเป็นคนทำความสะอาด ไม่ค่อยชอบพูดแต่เล่นดนตรีเก่ง เสร็จงาน เขาก็ไปเล่นดนตรีในร้านหนังสือ ในร้านกาแฟให้คนที่มาซื้อหนังสือได้ผ่อนคลายและอาจชักนำบทสนทนาไปสู่การรับเชื่อได้ ส่วนบางคนชอบทำขนม ก็จะอบขนมลงไปแจกให้ลูกเรือที่ทำงานหนักให้ได้อิ่มอร่อยทั้งกายและใจ มีบางคนที่ทำงานในร้านหนังสือ แต่ตัดผมเป็นด้วย บางครั้งเขาก็จะสละเวลาตัดผมให้กับลูกเรือคนอื่นๆ หรือตั้งบูธตัดผมฟรีให้กับคริสตจักรที่ไปเยี่ยมเยียนด้วย นี่เป็นภาพที่งดงามใช่มั้ยละคะ?
.
ฉะนั้นอย่าได้น้อยใจไป แม้หน้าที่ในชีวิตจริง หรืองานรับใช้ในโบสถ์จะดูต่ำต้อยหรือไม่ค่อยมีความสำคัญ แต่ภาพของการทำงานในเรือทำให้ฉันเห็นว่า ทุกงานที่ทำเพื่อพระเจ้านั้นสำคัญและมีค่าในสายพระเนตรของพระองค์เสมอ และทุกงานมีบำเหน็จรออยู่ค่ะ
.
“อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว
เราก็จะเก็บเกี่ยวในเวลาอันสมควร”
กาลาเทีย 6:9
.
ขอให้ทีมแห่งความหวังนี้ก้าวเดินเคียงข้างกันต่อไปนะ #พระกายเดียวกัน
ทีน่า
เรื่องราว season 1 จบลงแล้วแต่การเดินทางของทีน่ายังมีอีก ชาวชูใจสามารถติดตามล่องไปกับเรือ Season 2 ได้ที่ : https://choojaiproject.org/category/articles/life-series/journey-with-logoshope/
Related Posts
- Author:
- ทีน่า : สาวผู้ใฝ่ฝันจะเดินทางรอบโลก แต่ชีวิตพลิกผันเมื่อพระเจ้านำเธอให้พบเจอกับเรือ 'โลโกสโฮป' เรือแห่งความหวังที่จะนำพาเธอไปผจญโลกกว้างโดยไม่ต้องเป็นเมียทูตแต่อย่างใด
- Illustrator:
- Emma C.
- เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
- Editor:
- Namita
- สาวน้อยล่ามญี่ปุ่น ผู้เอ็นจอยกับการกินไปลดน้ำหนักไป เธอผู้มีความคาวาอี้อยู่ตลอดเวลายังมีความสามารถในการเรียบเรียงงานเขียนได้เป็นเลิศอีกด้วย