คนต้นเรื่อง : https://choojaiproject.org/category/articles/life-series/journey-with-logoshope/
อ่านล่องไปกับเรือทุกตอนได้ที่ :______________________________
ณ เมืองโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา
______________________________
ฉันลงเรือมาพร้อมวิทยากรเพื่อเดินทางไปอบรมเรื่องการใช้ชีวิตบนเรือและเพื่อทำความรู้จักกับลูกเรือคนอื่นๆ ในกลุ่ม ที่โรงแรมแห่งหนึ่งตรงข้ามทางรถไฟใกล้กับชายฝั่งมหาสมุทรอินเดียที่มีผู้คนนิยมมาเล่นน้ำกันอยู่ประปราย ลูกเรือที่เข้าอบรมในรอบนี้มีประมาณ 96 คนซึ่งมาจากหลากหลายชาติ เช่น เกาหลี เยอรมัน อเมริกา เนปาล ไต้หวัน เวียดนาม ฟินแลนด์ ฮ่องกง ออสเตรเลีย เม็กซิโก ประเทศในหมู่เกาะทะเลแคริเบียน ออสเตรีย รัสเซีย เป็นทีมที่เหมือนย่อส่วนโลกอันกว้างใหญ่ทั้งใบลงมาเลยค่ะ เราสื่อสารกันและกันด้วยภาษาอังกฤษแต่ต่างสำเนียง ทำให้ต้องปรับหูปรับลิ้นกันพอสมควรทีเดียวเพื่อที่จะพูดคุยกันให้รู้เรื่อง
.
เนื้อหาส่วนใหญ่ของการอบรมพูดถึงการปรับตัวในเรื่องต่างๆ
.
ปรับความเข้าใจผ่านกิจกรรมละลายพฤติกรรมต่างๆ เพื่อให้เรารู้จักและเข้ากับคนที่เราอยู่ด้วยซึ่งมาจากหลากหลายเชื้อชาติหลายวัฒนธรรมและมีบุคลิกที่แตกต่างกันได้มากขึ้น ปรับความคิด เมื่อต้องทำงาน เพราะส่วนใหญ่เป็นเด็กที่พึ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยมาหมาดๆ ปรับทัศนคติ สำหรับคนที่มีประสบการณ์ทำงานมาก่อนโดยเฉพาะเรื่องผู้นำที่อายุน้อยกว่า หรือผู้นำที่มาจากวัฒนธรรมต่างกัน
นอกจากนี้ก็ยังมีการสอนวิธีการประกาศผ่านการใช้ละคร มายากล หุ่นมือ ลูกโป่ง และสอนวิธีการพูดการเป็นพยานภายใน 3-5 นาที สอนวิธีการเล่าประสบการณ์ ให้น่าสนใจภายใน 2 นาที เป็นต้น และฉันยังได้เรียนเรื่องการดับไฟเบื้องต้น การใส่ชุดดับเพลิงและใส่ชุดสวมลงน้ำ รวมไปถึงการปฐมพยาบาลเบื้องต้น การทำ CPR และวิธีเอาตัวรอดในน้ำเมื่อเราไม่มีเสื้อชูชีพอีกด้วย
และยังมีการสอนเรื่องต่างๆ อีกที่เล่าไม่หวาดไม่ไหว ซึ่งจากทั้งหมดที่กล่าวไปนั้นใช้เวลาอบรมเพียงแค่ 2 สัปดาห์ค่ะ ถามว่าจำได้ไหม? บอกเลยว่าจำได้ไม่หมดหรอก! เยอะมาก! แต่ตื่นเต้นและสนุกดีนะคะเพราะต้องคิดและพูดเป็นภาษาอังกฤษอยู่ตลอด ตัวฉันไม่เคยต้องพูดอังกฤษแบบน้ำไหลไฟดับแบบนี้มาก่อน สมองก็ยอดเยี่ยมค่ะ สามารถดันภาษาไทยไปไกลๆ แล้วเข็นภาษาอังกฤษออกมาใช้ได้ แม้จะมีติดขัดไม่มั่นใจบ้างแต่ก็ขอบคุณพระเจ้าที่สามารถผ่านไปได้ด้วยดี (บางทีก็คิดเล่นๆ ว่าเราจะฝันเป็นภาษาอังกฤษหรือป่าวเนี่ย)
การอบรมในช่วงสัปดาห์นั้นค่อนข้างเข้มข้น เป็นการปูพื้นฐานและหลักสำคัญให้กับลูกเรือ ซึ่งก็คือเรื่อง ทัศนคติ ของตัวเราเองทั้งต่องานที่เราจะทำ ต่อพันธกิจของเรือ และ ทัศนคติต่อเพื่อนร่วมเรือ ว่ากันว่า ทัศนคติที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่งเลยนะคะ แล้วที่นี่เองลูกเรือแต่ละคนก็มีพื้นเพ มีเบื้องหลังที่ต่างกัน ดังนั้นการที่ทุกคนจะมาอยู่ร่วมกันได้นั้นจะต้องมีหลักตรงกลางให้ทำตาม เพื่อความเป็นระเบียบและความเข้าใจที่ตรงกัน หรือที่ว่า เข้าเมืองตาหลิ่ว ก็ต้องหลิ่วตาตามค่ะ เมื่อเราเข้าใจบริบทและเข้าใจหลักการของการอยู่ร่วมกันแล้ว เราก็จะดำเนินชีวิตในวัฒนธรรมหรือสังคมนั้นได้อย่างสะดวกใจมากขึ้นด้วยค่ะ
.
และในการอบรมครั้งนั้นพระเจ้าปรับพื้นฐานความคิดของฉันใหม่เกือบทั้งหมด ฉันต้องลดอายุลงเพื่อสื่อสารกับวัยรุ่น ฉันต้องไม่มองคนที่เปลือกนอก ฉันต้องไม่ตัดสินคนอื่นก่อนที่จะถามจากเจ้าตัว เป็นต้น ถึงแม้ว่าการอบรมอาจจะไม่ได้ครอบคลุมทุกสถานการณ์ มุ่งเน้นแนวคิดสำคัญอย่างหนึ่งนั่นก็คือ
.
อย่าคิดว่าเราดีกว่าคนอื่น แต่ให้เราถ่อมใจและรับใช้ซึ่งกันและกัน หากเราเจอเพื่อนร่วมห้องที่แย่ ไม่เหมือนเราเลย เราจะจัดการยังไง หรือถ้าเราได้ทำงานในที่ที่เราไม่ต้องการ ไม่ชอบ เราจะปรับทัศนคติต่อที่ทำงานนั้นยังไง สิ่งที่สำคัญคือเราจะต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมก่อนออกสนามรบ ถ้าอาวุธครบมือแต่ใจและสติไม่พร้อม การสู้รบก็เหนื่อยเปล่าและอาจพลาดพลั้งถึงเสียชีวิตได้
______________________________
ตลอด 2 สัปดาห์ที่ลูกเรือจากทั่วโลกได้อยู่ด้วยกัน เราทักทายกันและกันเสมอ ฉัน (พยายาม) ทำตัวเป็นมิตรเพื่อสร้างความสัมพันธ์อย่างทั่วถึง เราจับกลุ่มคุยกัน แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของกันและกัน บางคนเริ่มสอดส่ายสายตาหาเพื่อนสนิท เริ่มสังเกตพฤติกรรมและมองหาคนจำพวกเดียวกันหรือใกล้เคียงกันเพื่อจะสานต่อเป็นเพื่อนสนิทในอนาคต
ส่วนตัวฉันมีเพื่อนสนิท 1 คน เธอชื่อ ‘เอวา’ มาจากประเทศอินโดนีเซียค่ะ เราอายุรุ่นราวเดียวกันเลยคุยกันถูกคอ จึงเริ่มสนิทและเป็นเพื่อนกันได้เร็ว และด้วยความที่ชอบถ่ายรูป ชอบธรรมชาติเหมือนกัน เราจึงพากันเดินไปที่ทะเลทุกวันหลังเลิกอบรม ประหนึ่งเป็นคู่รักข้าวใหม่ปลามัน! ล้อเล่นค่ะ! แต่กระนั้นเราก็ไม่ได้ละเลยกลุ่มอื่นนะคะ เราเข้าไปทำความความรู้จักและแลกเปลี่ยนความคิดกับพวกเขาด้วยเช่นกันค่ะ เป็นช่วงเวลาที่ทำให้ฉันเห็นว่าโลกที่เราคิดว่ากว้างใหญ่นั้น จริงๆ แล้วมันก็กว้างแค่เพียงพื้นที่ แต่ถ้าคนจากทั่วโลกมาอยู่ด้วยกันแถมถูกโยงไว้ด้วยความเชื่อเดียวกัน โลกที่เคยคิดว่ากว้างใหญ่มันก็จะแคบลงและง่ายที่จะรู้จักกันมากขึ้นค่ะ
.
เมื่อสิ้นสุดการอบรม 1 วันก่อนขึ้นเรือ ทางทีมอบรมก็ทำการแจกซองขาว! ซึ่งเป็นซองที่มีกระดาษแผ่นเล็กๆบอกว่าเราจะได้ทำงานที่แผนกไหนและได้พักห้องอะไร เราทุกคนตื่นเต้นมากค่ะ ระหว่างที่ลุ้นบรรยากาศภายในห้องเงียบกริบ ขนาดที่ว่าได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน เมื่อกระดาษถูกเปิดออกมีทั้งเสียงกรีดร้องดีใจและเสียงร้องไห้สะอื้น หลายคนออกอาการเหมือนเด็กที่ได้ของทั้งที่ตนเองต้องการและไม่ต้องการ บางคนกระโดดโลดเต้นร้องสรรเสริญพระเจ้าฮาเลลูยาเพราะได้ดั่งใจ แต่บางคนคร่ำครวญร้องไห้ต่อว่าพระเจ้าถามว่าทำไมๆ
.
แต่ก็มีบางคนที่แม้ว่าเขาจะไม่ได้อย่างที่เขาต้องการ แทนที่จะคร่ำครวญเสียใจเหมือนคนอื่นๆ เขากลับเดินไปปลอบคนอื่นที่ฟูมฟายเสียใจว่า
“ไม่เป็นไรนะ ฉันก็ไม่อยากอยู่แผนกนี้เหมือนกัน แต่ฉันเชื่อว่าพระเจ้ามีเหตุผล
ตั้งตาดูเถิดว่าพระเจ้าจะกระทำการใหญ่สิ่งใดผ่านแผนกที่เราได้ทำงานนั้น”
ตอนนั้นเมื่อฉันได้ฟังก็รู้สึกหนุนใจมากทีเดียว
.
ฉันก็เห็นด้วยกับเขานะคะ พระเจ้าทรงยุติธรรมและทรงวางแผนการชีวิตของเราไว้อย่างเป็นระเบียบ ไม่มีความผิดพลาดในแผนงานของพระองค์ ไม่ทรงกระทำการใดที่ไม่เกิดประโยชน์กับชีวิตของเราเป็นแน่แท้ สำหรับฉัน หน้าที่ของเราเมื่อเราไม่ได้ดั่งใจ ก็คือเชื่อฟังและทำตาม
______________________________
ส่วนตัวฉันเอง ฉันได้ทำงานในแผนก Catering หรือแผนกงานครัวซึ่งเป็นแผนกที่อยากจะทำอยู่แล้วจึงดีใจค่ะ มันเป็นความตื่นเต้นนะที่ฉันได้ใช้ความสามารถของฉันรับใช้พระเจ้า แม้ว่าก่อนจะมาอยู่ในเรือจะนั่งเป็นสาวออฟฟิศไม่ได้จับมีดจับตะหลิวเท่าไหร่ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ฉันหวั่นเกรง กลับตื่นเต้นอยากจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ด้วยซ้ำไป พอรู้แผนกที่ตัวเองสังกัดแล้วฉันก็พยายามมองดูว่ามีใครอยู่แผนกเดียวกันบ้าง ก็เจอเอวาเพื่อนรักนั้นเองค่ะ! เราจึงกอดกันด้วยความดีใจที่จะได้ทำงานด้วยกัน
ฉันขึ้นเรือมาด้วยความคาดหวังว่า จะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ฉันจึงเตรียมตัวพร้อมที่จะเปิดรับสิ่งใหม่ๆเข้ามาในชีวิตของฉัน ทั้งเพื่อนใหม่ การทำงานแบบใหม่ วัฒนธรรมองค์กรใหม่ สภาพแวดล้อมใหม่ ฉันอธิษฐานกับพระเจ้าว่าขอพระเจ้าเปิดตาให้ฉันเรียนรู้สิ่งใหม่ในช่วงปีแรกนี้ ขอทรงสอนฉันให้มากที่สุด ปรับและเปลี่ยนตัวฉันให้มากที่สุดเพื่อฉันจะรับใช้พระเจ้าอย่างเต็มความสามารถของฉัน ฉันพร้อมที่จะให้พระเจ้าใช้อย่างเต็มที่ คือไฟแรงมากค่ะ ฉันร้อนรนและกระตือรืนร้นมาก!!! และหลังจากที่ผ่านการอบรมและถูกแบ่งหน้าที่แล้ว ฉันก็ยิ่งตื่นเต้น อยากขึ้นเรือเริ่มทำงานซะแล้วสิ!
.
พบกันเร็วๆ นี้นะชาวโลก
ทีน่า
Related Posts
- Author:
- ทีน่า : สาวผู้ใฝ่ฝันจะเดินทางรอบโลก แต่ชีวิตพลิกผันเมื่อพระเจ้านำเธอให้พบเจอกับเรือ 'โลโกสโฮป' เรือแห่งความหวังที่จะนำพาเธอไปผจญโลกกว้างโดยไม่ต้องเป็นเมียทูตแต่อย่างใด
- Illustrator:
- Emma C.
- เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
- Editor:
- Namita
- สาวน้อยล่ามญี่ปุ่น ผู้เอ็นจอยกับการกินไปลดน้ำหนักไป เธอผู้มีความคาวาอี้อยู่ตลอดเวลายังมีความสามารถในการเรียบเรียงงานเขียนได้เป็นเลิศอีกด้วย