ศิลปิน: อาเซอร์
ชื่อผลงาน: โอบอุ่น
เทคนิค: สีอะคริลิค สีน้ำ และสีเทียนแบบละลายน้ำ ผสมกัน
ระยะเวลาในการทำ: สเก็ตช์สองวัน เก็บรายละเอียดรวมๆ น่าจะประมาณเกือบสองอาทิตย์
_______________________________
จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของอาเซอร์กับศิลปะ?
เริ่มตั้งแต่เด็กๆ เลย คิดว่าตัวเองสื่อสารผ่านการขีดเขียนออกมาเป็นภาพได้ดีกว่าอย่างอื่น
.
แสดงว่าชอบวิชาศิลปะ?
ไม่เลยค่ะ คงเพราะไม่ได้เรียนอะไรใหม่ๆ กลายเป็นรู้สึกว่ามันไม่ช่วยอะไรเรา พอคิดแบบนั้นก็เลยไม่จริงจัง
.
แล้วทำไมถึงเลือกเรียนต่อด้านนี้?
ชอบทำงานศิลปะนะ แค่ไม่ชอบวิชาศิลปะ เรามีความสุขในกระบวนการของการสร้างผลงาน ไม่ว่าจะเป็นขั้นเริ่มหาแรงบันดาลใจ คิดจินตนาการในหัว จนออกมาถึงตอนร่างภาพ / ช่วง ม.ปลาย ที่ต้องเลือกว่าจะเรียนอะไรต่อ เรารู้ใจตัวเองว่าชอบด้านนี้แน่นอนแหละ แต่ก็ลังเลเรื่องสายงานที่จะมีรองรับหลังจากนั้นด้วย
.
มั่นใจว่าชอบแน่ๆ ?
มั่นใจว่าชอบศิลปะ แต่ไม่มั่นใจว่าจะไปทางไหนดี ตอนแรกคิดว่าอยากเรียนด้านออกแบบหรือกราฟิก พอได้เรียนติวก็รู้ว่าเราชอบ Pure Art มากกว่า ครูติวเตอร์ทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้นว่าศักยภาพของตัวเรามาทางนี้
ครูติวเตอร์ใช้วิธีไหนให้อาเซอร์รู้จักศักยภาพตัวเอง?
พาไปดูงานศิลปะตามที่ต่างๆ เพื่อเปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น แล้วก็ให้เราลองทำงานหลายแบบ ค่อยค้นหาตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่ได้บอกว่าต้องทำแบบนั้นแบบนี้ ไม่บอกสูตรสำเร็จ เขาอดทนกับเรา ช่วยแนะนำไปทีละนิด
.
พอได้เข้าไปเรียนต่อจริงๆ แล้วเป็นยังไง?
งานหนักยิ่งกว่าสอบเข้า อะไรที่คิดว่าฝึกมาเยอะแล้ว ตอนได้เข้าไปเรียนต้องฝึกเยอะขึ้นอีก เพราะเราเจอเพื่อนที่เรียนเฉพาะทางมาก่อน อย่างช่างศิลป์หรือทัศนศิลป์ ฝีมือเขาดีกว่าเราที่จบโรงเรียนสายสามัญ ต่างจากที่คิดไว้เลย แล้วอาจารย์ก็ไม่ได้สอนแบบใจเย็นทีละขั้นตอนเหมือนครูติวเตอร์ แต่เขาจะสั่งงานมาให้เราวาดเลย เราทำไม่ได้ ขึ้นรูปไม่ได้เลย เราต้องแอบไปดูงานคนอื่น กลับหอมาทุกเย็นต้องฝึกเอง
.
แล้ววิธีฝึกพัฒนาตัวเองของอาเซอร์คิอ?
สังเกตเทคนิคจากเพื่อน ค้นคว้าจากหนังสือบ้าง เว็บไซต์บ้าง ที่สำคัญคือต้องฝึกสเก็ตช์เยอะมาก เพราะมันเหมือนเป็นการฝึกเอาความคิดในหัวมาลงบนกระดาษ อาเซอร์คิดว่าถ้าเราพอใจแล้วกับผลงานที่ทำอยู่ก็จะไม่พัฒนา เลยต้องทำการบ้านหนัก
.
เส้นทางหลังเรียนจบ?
ทำงานรับใช้ค่ะ อันที่จริงตัดสินใจถวายตัวตั้งแต่ ม.ปลาย คิดว่าเป็นกระบวนการที่พระเจ้าจัดเตรียมผ่านงานศิลปะ เพราะมันทำให้เรารู้จักตัวเองและอยากรับใช้พระเจ้าในแบบที่เราถนัด ถ้าเราไม่รู้ตรงนี้ก็คงไม่เข้าใจว่างานรับใช้มันดียังไง เราคิดว่างานรับใช้มันคุ้มกว่าการทำงานทั่วไป เพราะมันคือการลงทุนกับคน
.
หมายความว่าแยกจากสายงานที่เรียนมา?
ถ้ามองในแง่ศิลปินก็ใช่ ด้วยเวลาที่ต้องให้กับงานรับใช้มากกว่า แต่ก็ไม่ได้แยกขาดซะทีเดียวนะ เรามองว่าพระเจ้าไม่ต้องการให้ทิ้งสิ่งที่เราชอบ ทุกวันนี้ทำงานในโบสถ์ก็ยังได้ใช้ทักษะด้านศิลปะอยู่ เช่นออกแบบกิจกรรม หรือในกระบวนการสร้างสรรค์ต่างๆ
อาเซอร์กับงานศิลปะในปัจจุบัน?
ช่วงหลังเรียนจบยอมรับว่าเราไม่ได้พัฒนาของประทานด้านนี้เลย การใช้เวลากับพระเจ้าและคนรอบข้างจึงเป็นการช่วยย้ำให้ไม่ละทิ้งมันไป ตอนนี้เริ่มวาดวันละรูป พระเจ้าก็น่ารักมากที่ให้ลองอะไรใหม่ๆ จากที่วาดด้วยพู่กันก็เริ่มขยับมาเป็นเมาส์ปากกา เพราะมีคนหนุนใจให้ลองทำดิจิตอลอาร์ต พอเราได้ลองก็คิดว่าถ้าไม่ทำนี่ไม่ได้พัฒนาเลยนะ
.
คนรอบข้างเป็นแรงผลักดันให้เรายังไงบ้าง?
อย่างการที่มีกลุ่ม Thai Christian Artist ขึ้นมา ก็ช่วยเตือนให้คิดว่าต้องทำอะไรซักอย่างกับของประทานนี้ เหมือนเรามีของให้รับผิดชอบแต่ยังทำได้ไม่เต็มที่ อีกอย่างคือมันทำให้รู้ว่าเราไม่ได้ทำงานศิลปะอยู่คนเดียวนะ เราได้รับการหนุนใจผ่านงานของคนอื่นหรือแม้แต่ตัวศิลปินเองก็ด้วย
.
ภาพที่กำลังจะแสดงในงาน “เขียนเพื่อเธอ” นี้ มีแนวคิดยังไง?
เพราะว่าจัดแสดงในช่วงคริสต์มาส เรานึกถึงอากาศหนาวๆ ก็เลยวาดออกมาเป็นพระเยซูกอดเด็กๆ ไว้ สื่อถึงการให้ความอบอุ่น อยากให้รู้สึกเหมือนตัวเราเป็นเด็กที่สามารถเข้าถึงพระเยซูได้ง่ายด้วยค่ะ
.
สิ่งที่อยากจะบอกกับคนอ่านเนื่องในโอกาสวันคริสต์มาส?
ของขวัญชิ้นใหญ่ที่พระเจ้าให้เราคือพระเยซูคริสต์ ส่วนของขวัญที่พระเจ้าอยากได้จากเราคือตัวเราเอง เราเป็นของขวัญที่ไม่เหมือนใครและสามารถทำสิ่งพิเศษเพื่อพระองค์ได้โดยไม่สำคัญว่าจะเล็กหรือใหญ่ อะไรก็ตามที่เราทำเต็มที่ในทุกวันจะกลายเป็นของขวัญอันดีที่สุดที่จะมอบให้กับพระองค์ได้ อย่ารอช้าที่จะแกะของขวัญชิ้นนี้และใช้มันอย่างคุ้มค่านะคะ
#Featured คอลัมน์ทันกระแสสังคม หยิบจับเรื่องทั่วไปมาพูดใหม่ในมุมมองคริสเตียน
ทุกวันพฤหัสสีส้มส้มน้าาาาา!!!
Related Posts
- Illustrator:
- Jostar
- พี่ชายผู้อบอุ่นละมุนละไม เวลาใส่หมวกกันน๊อคแล้วนั่ลล๊าคดั่ง Pororo อดีตมาสเซอร์วิชาสอนศิลปะ ปัจจุบันถวายตัวรับใช้ที่โบสถ์สไตล์ลอฟๆ ชอบขีดๆ เขียนๆ วาดๆ
- Editor:
- Emma C.
- เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน