คนต้นเรื่อง : วิจิตราhttps://choojaiproject.org/category/articles/life-series/yogurtland-and-vijitra/
อ่านโยเกิร์ตแลนด์แอนด์วิจิตราทุกตอนได้ที่ :เคยคิดมั้ยคะว่า ทำไมพระเจ้าถึงอนุญาตให้สิ่งไม่ดีเกิดขึ้นกับคนที่รักพระองค์?
มันเป็นคำถามที่เรามักจะถามและเรียนรู้คำตอบกับพระเจ้าไปเรื่อยๆ ตลอดช่วงเวลาการติดตามพระเจ้า และการไปใช้ชีวิตในบัลแกเรีย ก็ทำให้เราได้รู้จักคนๆ หนึ่งที่ให้คำตอบเราต่อคำถามนี้อีกครั้ง…
Yavor (อ่านว่า เอียวอร์ นะคะ) หนุ่มบัลแกเรีย อายุ 20 ปลายๆ กำลังเรียนอยู่สาขากายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยรุซเซ่ เป็นเพื่อนที่วิจิตรารู้จักตั้งแต่เริ่มเข้าโบสถ์ที่นี่ เขาชอบฟังเพลง Hip Hop และชอบ ฺBeat box มากไม่รู้ทำไม แต่เราก็บ้าจี้ฝึก Beat box กับเค้า สนุกดีอ่ะ ทุกครั้งที่นัดใช้เวลากัน เอียวอร์จะเป็นหนึ่งในนั้นตลอด ครั้งนึงเขาเคยเป็นพยานชีวิตให้เราฟัง วิจิตราถึงกับร้องไห้กลางร้านอาหารจีนเลยจ้า มันยาวมากจะเล่าแบบสั้นๆ ให้ฟังว่า…
เขาเป็นโรคเบาหวานตั้งแต่เด็กๆ และต้องดูแลตัวเองตลอด
มันคงหนักมากจนเขาถามตัวเองเสมอๆ ว่าเกิดมาทำไม เกิดมาก็ไม่เหมือนคนอื่นจนเคยคิดจะฆ่าตัวตายหลายรอบละ แต่ว่าตอนนั้นมีเพื่อน คริสเตียนชวนไปเดินสวนสาธารณะ (คนที่นี่ชอบเดินสวนมาก) แล้วเล่าเรื่องพระเยซู และความหวังในพระเยซูให้เค้าฟัง เค้าก็ต่อต้านในใจแต่ก็มีความรู้สึกอยากให้เพื่อนชวนไปข้างนอกอีกเพื่อจะได้ยินเรื่องของพระเยซู จากนั้นไม่นานเค้าก็ตัดสินใจต้อนรับพระเยซูให้พระองค์มาแบกรับความรู้สึกเจ็บปวดที่มีไปแทนที่จะแบกไว้คนเดียว เราไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ชีวิตเขาเป็นยังไง แต่ชีวิตเอียวอร์ที่เรารู้จัก ณ ตอนนี้คือร่าเริง เป็นคนตลก รักพระเจ้า มีความชื่นชมยินดี มีหัวใจเพื่อที่จะช่วยเหลือคนอื่น (หล่อมั้ย 555) ที่สำคัญอีกไม่กี่เดือนเค้าก็จะแต่งงานกับคู่หมั้นของเค้า ว้าวว ชีวิตดูดีขึ้นนะ! (โรยกลีบกุหลาบแปร๊บ)
แต่ว่า ช่วงเดือนมีนาที่ผ่านมา เอียวอร์เริ่มมีอาการตาซ้ายมัว มองเห็นไม่ค่อยชัด (มันเป็นอาการที่แทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน) ทำให้การใช้ชีวิตของเค้ายากขึ้น ช่วงแรกอาการยังไม่แย่มาก ยังพอมองเห็นเบลอๆ คิดภาพตามว่าต้องไปเรียนหนังสือแบบตาเบลอๆ หนังที่ชอบดูก็ดูไม่ชัดเหมือนเดิม (เป็นเราคงทนไม่ได้ที่จะเห็นหน้าพระเอกหล่อๆ ไม่ชัด >.<) มันคงจะรบกวนชีวิตประจำวันไม่น้อยเลยนะนั่น
นี่คือเอียวอร์ กับรอยยิ้มแห่งความเชื่อของเขาค่ะ
ผ่านไปซักพักปรากฏว่าอาการหนักลงกว่าเดิม! เพราะไม่ใช่แค่ข้างเดียวที่มันเลือนลาง แต่กลายเป็นทั้งสองข้างเลย!!! ซึ่งที่แย่กว่านั้นคือ หมอในรุซเซ่ไม่สามารถรักษาได้และเครื่องมือไม่พอ ต้องเดินทางไปโซเฟียเมืองหลวง เพื่อฉีดยารักษาอาการตาเบลอแต่หมอก็ไม่รับประกันว่าจะหายมั้ยนะ เวลาผ่านไปไม่มีทีท่าว่าอาการของเค้าจะดีขึ้นเลย มีแต่แย่ลง แถมยังมีเรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้จำนวนมาก (เวลานั้นนี่คนที่โบสถ์ทั้งอธิษฐานเผื่อ ทั้งถวาย ทั้งไปรับ-ส่งกันเต็มที่เลย) งานแต่งงานที่วางแผนไว้ต้องถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ที่สำคัญการที่ลูกชายวัย 20 ปีป่วยก็เหมือนเป็นการขาดกำลังหลักของครอบครัวเลยทีเดียว เหยยยยย!!! จริงๆ แล้วชีวิตคริสเตียนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบนะ (ขอกลับไปเก็บแปร๊บ)
ในช่วงเวลาที่เอียวอร์ต้องไปรักษาดวงตาที่โซเฟียก็มีเพื่อนที่โบสถ์ในโซเฟียช่วยดูแล (น่ารวั้กเนาะ) เราไม่ค่อยได้เจอเขามากเท่าไหร่ แต่ทุกครั้งที่วิจิตราเจอ เรายังเห็นความสัตย์ซื่อของ เอียวอร์ ในการมาโบสถ์ เต็มที่กับการนมัสการพระเจ้า ยังรักในการหนุนใจคนอื่นๆ เหมือนเดิม ยังมีชีวิตที่เป็นพระพรและชื่นชมยินดีแบบที่เราคาดไม่ถึง ครั้งสุดท้ายที่เราเจอคือเขามองไม่เห็นทั้ง 2 ข้างเลย เห้ยแกรรรร! มันไม่ใช่แค่เบลอละอ่ะ แต่คือมองไม่เห็นเลย! T^T เราก็มีโอกาสคุยกัน แน่นอนคำถามแรกที่เราถามต้องเป็นคำว่า “ยูวสบายดีไหม?” สื่งที่เอียวอร์ตอบกลับมา เรานี่น้ำตาซึมเลย เค้าบอกว่า
“I truly have peace in Jesus Christ.”
(ผมรู้สึกมีสันติสุขในพระคริสต์จริงๆ)
โห มีสันติสุขซะงั้น! เค้าบอกกับเราว่า ช่วงแรกมันไม่ง่ายเลย เค้าไม่เข้าใจว่าทำไมสิ่งเหล่านี้ถึงเกิดขึ้น แต่ช่วงเวลายากๆ ทำให้เขาใช้เวลากับพระเจ้ามากขึ้นและรู้จากการใช้เวลากับพระเจ้าว่า ‘พระเจ้ารักเค้า’ คำตอบสั้นๆ แต่มันมีความหมายดีเนอะ เขาหวังใจอยู่เสมอว่าเค้าจะเห็นการอัศจรรย์ในการรักษาที่มาจากพระเจ้า และเค้ายังบอกกับเราว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เค้าเข้าใจความหมายในยากอบ 1:2 จริงๆ
“พี่น้องทั้งหลายเมื่อใดที่ท่านเผชิญความทุกย์ยากนานาประการ จงถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี” (ยากอบ 1:2)
ซึ่งก่อนหน้านี้ เอียวอร์ไม่เข้าใจความหมายของพระธรรมตอนนี้เลย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้ความเชื่อเขาลดลง แต่กลายเป็นว่าผู้คนที่มีโอกาสได้พูดคุยกับเค้าไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่ดูแล พี่น้องที่โบสถ์หรือแม้กระทั่งตัวเราเองได้รับการหนุนใจจากเรื่องราวความทุกข์ยากของเขาไปด้วย
พระเยซูคริสต์ไม่ได้สัญญาว่าชีวิตคริสเตียนจะไม่เจอกับความทุกข์ยากเลย และดูเหมือนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นพระเจ้าไม่ได้ควบคุมอยู่ แม้ว่าจนถึงเวลานี้เอียวอร์จะยังมองไม่เห็น และรอคอยการอัศจรรย์ที่จะทำให้เขาหาย แต่เราว่า…
การอัศจรรย์ได้เกิดขึ้นแล้ว เพราะพระเจ้าได้ใช้ความทุกย์ยากของ เอียวอร์ในการที่จะหนุนใจพี่น้องคนอื่นๆ รวมถึงเราด้วย
เลยทำให้นึกถึงข้อพระคัมภีร์จาก 2 โครินธ์ 1:4
“พระองค์ผู้ทรงชูใจเราในการทุกข์ยากทั้งสิ้นของเรา เพื่อเราจะสามารถชูใจคนเหล่านั้น ที่มีความทุกข์ยากอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยความชูใจ ซึ่งตัวเราเองได้รับมาจากพระเจ้า” (2 โครินธ์ 1:4)
(นี่ตรง Theme เพจซะด้วย ไม่ได้แอบทายอินเลยนะ อิอิ) แม้เรื่องราวนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับเราโดยตรง แต่สิ่งหนึ่งที่พระเจ้ากำลังบอกกับเราคือ
แม้เราไม่เข้าใจสถานการณ์เลยซักนิด แต่พระเจ้ารู้ว่าพระองค์ทรงกำลังทำอะไรอยู่! และช่วงเวลาแบบนี้แหละที่จะพิสูจน์ “ความเชื่อ” ถึงแม้มองไม่เห็น ถึงแม้ปัญหายังไม่ดีขึ้น แต่ก็ยัง ‘เชื่อ’
พระสัญญาของพระเจ้ามั้ยล่าาาาาาา
ความทุกข์ยากที่เอียวอร์ต้องเผชิญ กลายเป็นเรื่องราวที่ชูใจคนอีกมากมาย เราเชื่อว่าความทุกข์ยากที่คุณกำลังเจออยู่ก็เพื่อเหตุผลอะไรบางอย่างที่เราอาจจะยังไม่เข้าใจใน ‘ตอนนี้’ แต่ไม่เป็นไรนะคะ พระเจ้ารู้ว่าพระองค์กำลังทำอะไรอยู่!
ป้าขอให้คุณ ‘ยิ้มด้วยความเชื่อ’ อย่างเอียวอร์นะคะ
ด้วยรักและโยเกิร์ต
Related Posts
- Author:
- วิจิตรา - สาวน้อยหัวใจผจญภัย กับความฝันอยากไปเมืองนอกที่ยังไม่หมดอายุของเธอ ถึงตอนนี้จะกลับมาจากบัลแกเรียแล้ว แต่ก็ยังคงเก็บตังค์เพื่อพาตัวเองออกนอกประเทศอีกครั้ง ตอนนี้เลยมาช่วยงานแปลพี่ชูใจไปก่อนเงินจะเต็มกระปุกให้ออกเดินทางงงงง
- Illustrator:
- Narit
- เนื้อแท้เป็นคนรักหนัง เบื้องหลังดีไซน์เก๋ๆ สวยๆ ของเว็บชูใจ คือฝีมือของเค้า นักออกแบบตัวยงผู้รักบอร์ดเกมเป็นชีวิตจิตใจ และอยากเห็นงานสร้างสรรค์คริสเตียนไทยพัฒนาก้าวไกลไม่แพ้ชาติไหนในโลก
- Editor:
- Jick
- บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง