ผู้เขียน: JO SAXTON (ต้นฉบับ: www.relevantmagazine.com)
ภาพประกอบ: Matthew Wiebe
เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันพูดคุยกับผู้นำวัยหนุ่มสาว ประเด็นฮ๊อตที่ไม่พูดถึงไม่ได้ มักจะเป็นเรื่อง ความสัมพันธ์ เราคุยกันอย่างเปิดเผย ทั้งตรงและแรวงงง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความฝันกับความผิดหวัง ความล้มเหลวกับความไม่พอใจ ความหวังกับเรื่องปวดใจต่างๆ นานา
.
แต่บทสนทนามักจะถึงจุดพีค เมื่อเรากล้าพูดความจริงที่อาจทำให้อึดอัด เช่นเรื่องความเฟลในอดีตหลายต่อหลายครั้งของฉัน ซึ่งต่อมาเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันกำหนดวิธีการคบหาดูใจของตัวเองขึ้นมา
.
ฉันแต่งงานตอนอายุ 29 แต่จริงๆ จุดเปลี่ยนในชีวิตของฉันเกิดขึ้นหลายปีก่อนหน้านั้น เมื่อฉันตระหนักได้ว่า ถึงเวลาแล้วที่จะหยุดตีโพยตีพาย คร่ำครวญถึงจำนวนหนุ่มโสดในโบสถ์ที่มีน้อยเหลือเกิน และกล้าเผชิญหน้ากับความจริงที่ยากจะยอมรับในเรื่องทัศนคติของตัวเองกับวิธีการสร้างความสัมพันธ์ในอดีตที่ก็ต้องยอมรับว่า…
มันไม่เวิร์ก!
.
กว่าจะผ่านมันมาได้ ฉันต้องเสียน้ำตา เสียใจ อธิษฐาน หาที่ปรึกษาดีๆ กว่าจะปล่อยวางได้ กว่าจะยอมจำนนต่อพระคริสต์อีกครั้ง และกว่าจะได้อิสรภาพในท้ายที่สุด บอกเลยว่ามันยากมากกกกกที่จะต้องยอมรับความจริงว่า สิ่งที่ตัวเองคิดหรือทำมามันไม่ถูก บางทีสิ่งที่ฉันเขียนต่อไปนี้อาจจะช่วยคุณก็ได้นะ
_______________________
มีแฟนเพื่อซ่อนความเจ็บปวด ความรู้สึกไม่มั่นคง และทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีค่า
ความจริงคือคุณสามารถใช้ชีวิต หรือมีความสัมพันธ์ที่เติมเต็มและมีความหมาย โดยไม่จำเป็นต้องมาจากคนอื่น! (พระเยซู ก็ทรงเป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิตได้โดยไม่ได้แต่งงาน)
.
แต่ก็นั่นแหละ มันก็คือความจริงที่ฉันต้องต่อสู้เพื่อจะเชื่อหัวใจตัวเองและใช้ชีวิตของฉัน ฉันรู้สึกว่าถ้าฉันไม่ได้คบใครมันหมายความว่าฉันไม่มีใครเอา ถ้าฉันไม่ได้คบใครในขณะที่คนอื่นๆ เขามีคู่กันหมด ต้องมีอะไรผิดปกติในตัวฉันแน่ๆ บางทีฉันอาจจะอ้วนไป มั่นใจเกินไป เสียงดังไป หรือผิวคล้ำไปรึเปล่า
.
คำถามเหล่านั้นทำให้ภาพในอดีตหวนคืนมา ทำให้ฉันเห็นถึงความรู้สึกไม่มั่นคงที่หยั่งลึกในใจ ความโสดเป็นสิ่งที่คอยเตือนให้ฉันรู้สึกตัวเองไม่มีค่า ฉันเทิดทูนความสัมพันธ์และโกรธเคืองคนอื่นที่เขาได้ในสิ่งที่ฉันอธิษฐาน คำโกหกและความกลัวเหล่านี้กลายเป็นบาดแผลในใจ ทำให้ฉันมองไม่เห็นความงามและจุดหมายในชีวิตที่ฉันมีอยู่แล้ว!
_______________________
คิดว่าชีวิตเริ่มต้นในวันแต่งงาน
ฉันได้วางคุณค่าตัวเองไว้กับการที่มีคนคุยด้วยหรือไม่มีคนคุยด้วย ซึ่งไม่ใช่เรื่องถูก ฉันยังให้ความสำคัญกับการทรงเรียกและความสามารถพอๆ กับสถานภาพแต่งงานอีกด้วย ฉันใช้ชีวิตบางส่วนแบบ ‘ติดเบรก’ เพราะรอหลังจากที่ “ฉันแต่งงานแล้ว”
.
ฉันคิดว่าฉันคงกลัวว่าถ้าฉันยังคงตัดสินใจอะไรเองในชีวิต ฉันจะพลาดโอกาสสำคัญๆ ในชีวิตไป เช่น การมีสามี เพราะฉะนั้น นั่งอยู่เฉยๆ ดีกว่า แล้วก็รอ.. และรอ
.
ฉันเห็นมาเยอะนะ คนที่ไม่ยอมไปเที่ยวในวันหยุด ไม่ยอมจองตั๋วช่วงลดราคา ไม่ลงหลักปักฐานในคริสตจักรซักที่ หรือไม่มีความหลงใหลในงานหรืออาชีพ ไม่จัดการหนี้สินที่มีเพราะหวังว่าการแต่งงานจะแก้ปัญหาได้ (คู่ครองนะคะ ไม่ใช่พนักงานแบ้งค์ ไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินเถอะ) คือบางทีเราก็เชื่อว่า ชีวิตใหม่จะเริ่มขึ้นหลังจากได้เจอสามีหรือภรรยาของเขานั่นแหละ
.
ถ้าคุณเป็นอย่างนั้นอยู่ ฉันอยากจะบอกว่า นี่มันชีวิตของคุณเองนะ! ชีวิตคุณกำลังดำเนินอยู่ตอนนี้ เลือกที่จะใช้มันตอนนี้เลย! นี่ต่างหากคือโอกาสที่คุณกำลังพลาดไป!!
_______________________
ปล่อยให้ตัวเองเข้าไปอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่โอเคและไม่ชัดเจน
มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ฉัน… เออ… เคยรู้จัก ชื่อสมมติว่า ‘น้องก้อย’ นามสกุล ‘ตัวสำรอง’ นางไปแอบซุ่มคุยกับหนุ่มคนหนึ่งและใช้เวลาด้วยกัน เวลาพวกเขาไปเที่ยวกับเพื่อนเป็นกลุ่ม สองคนนี้จะส่ง ‘โค้ดลับ’ ที่รู้กันเองเพื่อนัดกันไปต่อกันสองคน สองคนนี้ดูมีอะไรพิเศษ ดูเคมีเข้ากัน แต่!!! ความสัมพันธ์ของสองคนนี้กลับไม่มีสถานะที่ชัดเจน เลยทำให้น้องก้อยไม่สามารถหรือแม้แต่จะคิดที่จะคุยกับคนอื่นได้ ก็เพราะเธอจริงจังกับหนุ่มคนนี้ไปแล้ว
.
จนกระทั่งผู้ชายคนนั้นเริ่มไปกิ๊กกับสาวอื่นอย่างออกหน้าออกตานั่นแหละ น้องก้อยรู้สึกอับอายขายหน้าเหมือนถูกหลอกใช้ เธอรู้สึกเจ็บปวดจากการถูกทิ้งแต่ก็ต้องแอบเศร้าอยู่เงียบๆ คนเดียว ในที่สุด ฉัน..เอ้ย น้องก้อยก็ตาสว่าง เริ่มรู้ตัวว่าตัวเองเป็นแค่ตัวสำรอง มีสถานะเป็นมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน น้องก้อยทั้งโกรธและขมขื่น แต่แล้วเธอก็รู้สึกตัวว่าเธอเองก็ทำแบบนี้กับผู้ชายคนอื่นเหมือนกัน คือในขณะที่เธอกำลังตามหาคนที่ ‘ใช่’ (Mr.Right) แต่เธอก็มีความสุขกับความรักและการเอาอกเอาใจจากคนที่ ‘ใช่ ณ เวลานั้น’ (Mr.Right Now) ด้วย แต่ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าจริงๆ แล้วเธอไม่ได้จะจริงจังอะไร เขาแค่ทำให้เธอรู้สึกดีแค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้นแหละ
.
คุณเคยเป็นแบบนั้นมั้ยคะ? หรือตอนนี้คุณกำลังเป็นแบบนี้อยู่?
_______________________
มุ่งมั่นตามหาคนที่ “สมบูรณ์แบบ”
จากการถูกเทและกลายเป็นตัวสำรองแบบสดๆ ร้อนๆ ทำให้ฉันระมัดระวังในการเลือกคนที่ใช่สำหรับตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอายุ ส่วนสูง ชีวิตฝ่ายวิญญาณ รสนิยม ครอบครัว ดนตรีที่ชอบฟัง ชีวิตและการทรงเรียก เขาจะต้องเป็นคนมั่นใจและจริงจัง จะต้องเจ๋ง แล้วทุกคนรอบข้างก็จะต้องเห็นด้วยแน่ๆ และเขาจะต้องเป็นผู้ชายที่ฉันคู่ควรกับการที่ต้องอดทนรอคอยมาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ตาม ฉันจะไม่เจ็บเหมือนที่เคยอีกแล้ว ฉันจะไม่สงสัยในจุดยืนของตัวเองอีกแล้ว ฉันอธิษฐานอย่างเอาจริงเอาจัง
.
มันก็ไม่แย่ใช่ไหมล่ะที่จะลิสต์ออกมาว่าคุณต้องการอะไรบ้าง?
.
แต่ต่อมา ฉันก็รู้ตัวอีกครั้งว่า การพยายาม ‘ปกป้องหัวใจตัวเอง’ จากความบาดเจ็บในอนาคต ทำให้ฉันสร้างกำแพงมายาคติจากความต้องการส่วนตัวขึ้นมา ซึ่งฉันเชื่อว่าหนุ่มในอุดมคติแบบนี้แหละที่จะช่วยเยียวยาอดีตที่เจ็บปวดได้ (ฉันลืมไปว่าพระเยซูก็ทำได้ แค่ฉันยอมจำนนต่อพระองค์)
.
อยู่มาวันนึง มีชายหนุ่มผมบลอนด์ ชอบขี่จักรยานเสือภูเขา เป็นวิศวกร อายุน้อยกว่าฉัน 5 ปี มาขอคุยกับฉัน ฉันดีใจมากที่ตัวเองเลิกสนใจลิสต์ผู้ชายในอุดมคติของตัวเองและตอบตกลงพูดคุยกับหนุ่มคนนั้น กลายเป็นว่าฉันได้พบคู่ชีวิตของฉัน เขาเป็นสามีที่วิเศษ และเป็นพ่อที่ดีของลูกๆ
.
อะไรเป็นสิ่งที่ทำให้คุณสร้างรูปแบบของการคบหาดูใจใครสักคนขึ้นมาคะ?
หลังจากอ่านเรื่องของฉันแล้ว แล้วคุณล่ะคะ มีสิ่งไหนที่ทำให้คุณไปต่อไม่ได้บ้างรึเปล่า?
.
ขอพระเจ้าทรงเปิดเผยให้คุณได้เห็นตัวของคุณเอง อย่างที่ฉันเองก็ได้เห็นแล้วเหมือนกันนะคะ ถึงแม้จะต้องใช้เวลาและความกล้าหาญในการยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง แต่เมื่อเราได้เรียนรู้และยอมรับความจริง มันจะทำให้ความรักของคุณได้ไปต่อนะคะ
คอลัมน์ Love Coach บทความถามตอบปัญหาหัวใจ ปรึกษาปัญหาความรักแบบพี่อ้อยพี่ฉอดเวอร์ชั่นคริสเตียน และบทความแปลในประเด็นของความรัก ติดตามอ่านได้ทุกวันอังคารสีชมพูววววว ที่เว็บชูใจนะจ๊ะ
Related Posts
- Translator:
- Aui Wijitra
- ผู้แปลอาสาฯ จากเมืองเจียงฮาย ผู้เชี่ยวชาญร้านบุฟเฟ่ต์ทั่วเมืองเชียงรายและปริมณฑล และถึงแม้งานประจำจะล้นมือแค่ไหน แต่ก็ไม่อยากวางมือจากการเป็นผู้แปลให้ชูใจ โอ้ย ขอมงให้นางด้วยค่ะ!
- Editor:
- Jick
- บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง