Ep. 1 [King's Tribute]

ในวันที่พ่อไม่อยู่


ภาพถ่าย โดยตอง ธีรเดช

__________________________________________________

ในช่วงเวลา 2 วันที่ผ่านมา เราเชื่อว่าคนไทยเกือบทั้งหมด คงมีความรู้สึกไม่ต่างจากเราเท่าไหร่ ที่ได้สูญเสียพระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักยิ่งของพวกเรา เราเชื่อว่ามันเป็นความสูญเสียที่ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าสักวันจะต้องเกิด แต่ไม่มีใครตอบได้ว่ามันจะมาถึงเมื่อไหร่ ถึงจะมีการเตรียมใจมาก่อนล่วงหน้า แต่เมื่อถึงเหตุการณ์จริงๆ แล้ว ก็ต้องยอมรับว่า ‘ใจหายไปเหมือนกัน’

 

สำหรับเราแล้ว ความรู้สึกแรกคืองง… ความคิดต่อมาก็ถามตัวเองว่า “นี่เรื่องจริงแล้วใช่ไหม?” เรารู้อยู่แล้วด้วยอายุของท่าน และธรรมชาติของกาลเวลา ไม่ช้าก็เร็ว สักวันท่านก็จะต้องจากเราไปอยู่ดี สองวันที่ผ่านมา ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเราเป็นความรู้สึกงงงวย ช็อค และเสียใจ ทั้งๆ ที่ตัวเราเอง ก็แทบไม่เคยเจอพระองค์ท่าน มีเพียงความผูกพันทางใจ และความรู้สึกที่ดีเมื่อเรามองไปหาท่าน มันมีความรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก

 

ในฐานะคนไทย เรารู้สึกเสียใจกับการจากไปของท่าน แต่ในใจเราก็รู้ว่า ท่านได้พักสบายแล้ว หลังจากที่ท่านเหนื่อยมานานมากๆ แต่ในบางครั้งก็ต้องยอมรับว่าในความเสียใจ มีความกลัว และกังวลแทรกขึ้นมามากมาย กลัวและกังวลว่าประเทศจะเป็นอย่างไรต่อไป หากไม่มีกษัตริย์แสนรักของเราต่อไป คืนแรกที่รู้ข่าวว่าท่านได้จากเราไปแล้ว เรานอนร้องไห้ ละเมอร้องไห้ จนตื่นขึ้นมาแล้วน้ำตาก็ยังไหลลงมาเอง เรารู้สึกว่า กรุงเทพฯ เงียบไปถนัดตา ไร้ซึ่งชีวิตชีวา การสูญเสียครั้งนี้ กระชากหัวใจ และชีวิตชีวาของเราไป ความชื่นชมยินดี ความหวัง ถูกบดบังด้วยความเศร้า ความกลัว ความกังวล หวาดระแวงที่ค่อยๆ กร่อนหัวใจเราลงไปทีละน้อย เช้าวันใหม่ที่แดดแรงจ้า แต่เรากลับรู้สึกถึงความอึมครึม มืดมัวที่กระจายตัวอยู่ในทุกๆที่ บนรถตู้ บน BTS และตามท้องถนน แม้แต่นกในท้องฟ้าก็ยังไม่มีสักตัว ไถ Facebook, Instagram หรือ หลายๆสิ่อที่มีก็พบแต่ภาพขาวดำ ยิ่งอ่าน ยิ่งเห็นภาพในหลวงที่รักมากเท่าไหร่ น้ำตาก็ไหลมากขึ้นเท่านั้น จนต้องตัดสินใจวางทุกอย่างลง แล้วเริ่มอธิษฐานกับพระเจ้า และอ่านพระคัมภีร์…

 

เราเริ่มถามคำถามกับพระเจ้ากับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่นี้ “นี่คือความจริงใช่มั้ย?” “ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้?” “แล้วประเทศจะเป็นอย่างไรต่อ?” แต่แล้วเราก็นึกถึงผู้ชายคนนึง ที่เดินทางจากสูงสุดสู่สามัญเหมือนกัน

 

ผู้ชายคนนึงที่มีชาติกำเนิดที่สูงส่ง มีบ้านที่ใหญ่โต โอ่อ่า สวยงาม ตระการตา ถ้าอยากได้อะไร ก็สามารถหามาได้ แต่ยอมลงมานอนในโรงเลี้ยงสัตว์ ใช้ชีวิตเรียบง่าย ทำงานไม้เพื่อเลี้ยงชีพ…

ผู้ชายคนนึงที่รักทุกๆคน ไม่เว้นสักคน ทำทุกอย่าง เพื่อให้ทุกคนรักกัน เป็นนักสังคมสงเคราะห์ดูแลเด็ก คนยากจน คนป่วย และคนโรคเรื้อน แบ่งอาหารของตัวเองและเพื่อนๆ ให้กับคนทั่วไป

ผู้ชายคนนึงที่ไม่เคยทำความผิดอะไรเลย แต่เพราะรักจึงต้องยอมปกป้องคนอื่น ถึงขนาดเอาชีวิตตัวเองเข้าแลก และทรมานมากมายก่อนตาย

 

ใช่… การสูญเสียกษัตริย์แสนรักของเราในวันนี้ ทำให้เราในฐานะคริสเตียน เห็นภาพของพระเยซู กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่อีกคนของเรา

 

การเสด็จสวรรคตของรัชกาลที่ ๙ ยังความทุกข์โศกและการร้องไห้มาสู่คนไทยจำนวนมาก ทำให้เราได้เข้าใจความรู้สึก และคิดถึงวันที่พระเยซูแบกกางเขนไปยังโกละโกธา ถูกทรมาน และถูกตรึงที่นั่น… ทุกคนคงร้องไห้แบบนี้ และเจ็บปวดแบบที่เราเจ็บปวดแบบนี้ แต่พระเจ้าก็ยังทรงพระคุณ ขอบคุณพระเจ้าที่เสียงคร่ำครวญ และน้ำตานั้นได้เหือดหายไปภายใน 3 วัน เพราะพระเยซูได้ฟื้นขึ้นมาจากความตาย พระองค์ทรงชนะความตาย และนำมาซึ่งความหวังให้กับเราทุกคน 

เมื่อพระเจ้าได้เปิดเผยให้เราเห็นเช่นนี้แล้ว ทำให้เราได้เห็นความจริงหลายๆ อย่าง…

 

และผง‍คลีกลับไปเป็นดินอย่างเดิม และจิตวิญ‌ญาณกลับไปสู่พระ‍เจ้าผู้ประ‌ทานให้มานั้น
– ปัญญาจารย์ 12:7

 

แม้กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ ก็ไม่อาจหลีกหนีความตายได้พ้น ทุกชีวิตที่พระเจ้าสร้างมาจากดิน และกลับไปเพียงดินเท่านั้น เป็นความจริงของชีวิต เมื่อคนที่รักจากไป คนที่ยังอยู่ก็ยังต้องมีชีวิตอยู่อย่างเดิม และสิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกคือ ไม่มีใครที่อยากให้เราเศร้าโศกเสียใจ แล้วไม่ยอมใช้ชีวิตที่เหลืออยู่… เราไม่ได้จะบอกว่าเราไม่เสียใจกับการสูญเสียครั้งนี้ เพียงแต่เราแค่ยอมรับว่า มันคือส่วนหนึ่งของวัฏจักรชีวิต ที่ไม่ว่าใครก็ต้องผ่านจุดนี้ไปทุกคน

 

การร้อง‍ไห้อาจจะคงอยู่สักคืน‍หนึ่ง แต่ความยินดีจะมาเวลาเช้า
– สดุดี 30:5

 

สิ่งที่พระเจ้าได้เปิดเผย และหนุนใจเราในช่วงที่ผ่านมา เมื่อเรายอมรับได้ว่า ความตายเป็นสิ่งหนึ่งในชีวิตที่ทุกคนจะได้พบเจอ ไม่ว่าจะเป็นใคร หรือ อายุเท่าไหร่ เราอาจจะต้องเจอความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่นี่อีกหลายครั้ง แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราจะเข้มแข็งขึ้น เราต้องก้าวเดินต่อไป และเลือกที่จะชื่นชมยินดีในชีวิตที่เหลืออยู่ของเรา ใช้ชีวิตให้เต็มที่ การแสดงออกทางความรักที่ดีที่สุด มากกว่าการร้องไห้ คร่ำครวญ หรือ Social Mediaใดๆ คือ การใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีคุณค่า และระลึกถึงเค้าเหล่านั้น

 

สุด‍ท้ายนี้ จงเข้ม‍แข็งขึ้นในองค์‍พระ‍ผู้‍เป็น‍เจ้า และในอานุ‌ภาพอันทรงพลังของพระ‍องค์
– เอเฟซัส 6:10

 

สิ่งที่พ่อหลวงทำมาตลอดชีวิต คือ การทำเพื่อประเทศไทย และรักลูกของพ่อทุกคน เราก็เช่นเดียวกัน ทำเพื่อประเทศไทย ไม่ตักตวงผลประโยชน์ของประเทศ และรักพี่น้องคนไทยของเราทุกคน เช่นเดียวกับที่เมื่อเรารักพระเจ้าของเรา เราก็สำแดงออกด้วยการเชื่อฟังและทำในสิ่งที่พระองค์สอน

และสุดท้าย เรารู้สึกว่า พระเจ้าได้เปิดเผยให้เรา ไม่ต้องกลัว และกังวลใด สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในการควบคุมของพระเจ้า ผู้เป็นเจ้าชีวิตของเรา และเราเชื่อว่าพระเจ้ารักประเทศไทย และพระองค์มีแผนการที่ดีสำหรับประเทศไทยแน่นอน

 

พระ‍ยาห์‌เวห์ตรัสว่า ‘เพราะเรารู้แผน‍งานที่เรามีไว้สำหรับพวก‍เจ้า เป็นแผน‍งานเพื่อสวัสดิ‌ภาพ ไม่‍ใช่เพื่อทำ‍ร้ายเจ้า เพื่อจะให้อนา‌คตและความหวังแก่เจ้า
– เยเรมีย์ 29:11

 

สิ่งที่พระเจ้าเปิดเผยให้กับเรานั้น ทำให้เราตื่นขึ้นมาในวันนี้ด้วยความหวัง และสันติสุขมื่อเราเห็นข่าวภาพในหลวงในสื่อต่างๆ เราก็ไม่ร้องไห้แล้ว ไม่ใช่ว่าความรักนั้นสูญสิ้นไป แต่เรารู้ว่าวันนี้ในหลวงของเราได้พักสงบแล้ว ณ ตอนนี้ท่านมีสันติสุข และสบายแล้ว

เราไม่กังวลและไม่กลัวว่าอนาคตประเทศไทยจะเป็นอย่างไรแล้ว เพราะเรารู้ว่าพระเจ้ามีแผนการที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย เรามีความหวังในประเทศของเรา เรามีความหวังต่อผู้นำของเรา เราเชื่อว่าพระคุณ และพระเมตตาของพระเจ้ามีมากพอสำหรับประเทศไทย

 

วันนี้ ถึงแม้รัชกาลที่ ๙ จะทรงเสด็จสู่สวรรคาลัยแล้ว แต่ชีวิตของเราจะเดินต่อไป และใช้ชีวิตในแผ่นดินของรัชกาลที่ ๑๐ ด้วยความหวัง และสันติสุขที่มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า

 

ขอพระ‍เจ้าแห่งความหวังโปรดให้ท่านบริ‌บูรณ์ด้วยความชื่น‍ชมยินดี และสันติ‍สุขในความเชื่อ เพื่อท่านจะได้เปี่ยมด้วยความหวังโดยฤทธิ์‍เดชแห่งพระ‍วิญ‌ญาณ‍บริ‌สุทธิ์
– โรม 15:13

 

#ฉันเกิดในรัชกาลที่ ๙
เขียนขึ้นในเช้าวันที่ ๒ ของรัชกาลที่ ๑๐
วันเสาร์ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
วันที่เราไม่ตื่นมาด้วยน้ำตาอีกต่อไป


Previous Next

  • Author:
  • ล.ย. : Blogger สาวน้อยในกทม. หัวใจเหนือ ที่พี่ชูใจพบเจอโดยบังเอิญ มีผลงานโดดเด่นเตะตาจนต้องจีบมาชูใจกันนนนนนน