EP. 7

ผมเป็น “ลูกผู้รับใช้”


 

เรามีที่มาต่างกันครับ

เวลาที่อ่านชีวิตบุคคลต่างๆ ในพระคัมภีร์เราจะเห็นว่าพระเจ้ามีวิธีของพระองค์ที่จะนำแต่ละคนมารู้จักและเติบโตกับพระองค์จากพื้นเพเบื้องหลังที่แตกต่างกัน พวกเราเองก็เช่นกันบางคนมีที่มาจากครอบครัวที่ไม่เคยรู้จักพระเจ้ามาก่อนบางคนเติบโตมาจากครอบครัวคริสเตียน แม้กระทั่งบางคนก็เคยเป็นนักเลงมาก่อน

 

ผมเชื่อว่าแต่ละคนก็เจอแรงกดดันในการที่ต้องดำเนินชีวิตที่สวนกระแสกับค่านิยมของโลกกันทั้งนั้น  ไม่ต่างอะไรกับผม ถึงแม้ผมจะได้ชื่อว่าเป็นลูกผู้รับใช้ ก็ตาม

 

พ่อของผมเป็นผู้รับใช้

ผมเป็นวัยรุ่นคนนึงที่มีพ่อเป็นศิษยาภิบาล (ศบ.)  ที่จังหวัดยะลา พ่อของผมเริ่มทำงานรับใช้ในช่วงที่ผมกำลังเข้าสู่การเป็นวัยรุ่น แน่นอนสิครับการเป็นลูก ศบ. ย่อมตามมาด้วยความคาดหวัง ความคาดหวังที่จะต้องมีชีวิตที่ดี เป็น แบบอย่างแก่คนในคริสตจักร

แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากและกดดันมากสำหรับเด็กวัยหัวเลี้ยวหัวต่ออย่างผมแต่ผมก็ยังทำมันได้เป็นอย่างดีกับเรื่องต่าง ๆ ที่ ควรทำไม่ว่าจะท่องข้อพระคัมภีร์ มาโบสถ์ตรงเวลา พกพระคัมภีร์มาโบสถ์ ช่วยงานรับใช้ต่างๆ จนผู้ใหญ่หลายคนชื่นชม แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าผมก็อยากจะออกจากแรงกดดันนี้ไปใช้ชีวิตสนุกๆ อย่างวัยรุ่นทั่วไปบ้าง

เหมือนผมอยู่บนทางเลือกที่จะต้องดำเนินชีวิตในรูปแบบที่ต่างกัน

วัยรุ่น คริสเตียน

รูปถ่าย โดย  Allef Vinicius

ตอนนั้นผมตัดสินใจใช้ชีวิตทั้งสองด้านไปพร้อม ๆ กัน คือเป็นในด้านที่พ่อกับผู้ใหญ่อยากเห็นเวลาที่อยู่ในโบสถ์ และอีกด้านคือชีวิตนอกโบสถ์ของผมที่ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง!

 

เพื่อนผมส่วนใหญ่เป็นเด็กแว้น!

ไม่แว้นธรรมดาด้วย เรียกว่านักเลงอันธพาลได้เลย ทำไมผมถึงไปมีเพื่อนอย่างนั้นได้? เพราะมีอยู่วันนึงพ่อของผมได้แนะนำลูกของสมาชิกใหม่ในโบสถ์ให้ผมรู้จักหลังจากที่เราเริ่มสนิทกันเขาก็เป็นผู้เปิดโลกในมุมมืดให้ผมรู้จัก  เวลาผมมีปัญหาทะเลาะวิวาทเพื่อนของผมคนนี้ก็จะคอยเรียกเพื่อนๆ ในแก๊งของเขามาช่วยผมอยู่เสมอ

แต่ไม่ว่าผมจะไปก่อเรื่องอะไรเอาไว้ ครอบครัวของผมกับผู้ใหญ่ในคริสตจักรไม่เคยได้รับรู้ถึงวีรกรรมที่ผมไปก่อเอาไว้เลย จนกระทั่งวันนึง

 

วันนั้นผมถูกคู่อริประมาณ 20 กว่าคนรุมทำร้าย
ผมโกรธแค้นมากจนถึงขั้นนัดพรรคพวกมาวางแผนกันเพื่อไป เอาคืน

 

Motorcycle guy by Skitter Photo

รูปถ่าย จาก Skiiter photo

 

 

เมื่อถึงเวลาที่นัดแนะผมกับเพื่อนลงมือตามแผนที่นัดกันไว้เริ่มด้วยการขับรถไปชี้หน้ากลุ่มคู่อริเพื่อล่อให้พวกมันตามผมไปในจุดที่เพื่อนๆ ของผมดักรอทำร้ายอยู่ ทุกอย่างดูเป็นไปตามที่วางแผนไว้จนกระทั่งขณะที่ผมกำลังขี่รถล่อคู่อริอยู่ จู่ๆ รถมอเตอร์ไซค์ของผมดันมาน้ำมันหมดที่หน้าโบสถ์พอดี

 

ซึ่งโบสถ์ก็คือบ้านของผมด้วย!

ตอนนั้นมันทำอะไรไม่ถูก ผมจึงรีบเข็นรถมอเตอร์ไซค์เข้าไปหลบในโบสถ์ก่อน พอคู่อริขี่รถตามมาถึงจึงมายืนรอรุมทำร้ายผมที่หน้าโบสถ์ พร้อมทั้งตะโกนด่าเพื่อเรียกให้ผมออกไปไอ้เหี้ย มึงอยู่ไหน ออกมาสิวะ!” เสียงตะโกนเรียกดังจนชาวบ้านในละแวกนั้นแห่ออกมาดูกัน และในเวลานั้นเอง ที่ความลับของผมก็ไม่เป็นความลับอีกต่อไป

พ่อของผมเดินออกจากบ้านมาดู ท่านถามผมว่าเกิดอะไรขึ้น ผมจึงต้องเล่าความจริงทั้งหมดให้พ่อฟังพอผมพูดเสร็จพ่อจึงเปิดประตูรั้วเดินออกไปหาพวกคู่อริที่ยืนรออยู่  ทันทีที่พวกนั้นเห็นพ่อของผมเดินไปหาพวกเขาจึงเงียบเสียงลงและหยุดนิ่ง  ผมได้แต่ยืนมองว่าพ่อจะทำอะไรและพ่อก็ทำสิ่งที่ผมไม่คาดคิดมาก่อน

พ่อ เดินเข้าไปคุยกับคู่อริของผม และยกมือไหว้ขอโทษพวกนั้น! ทุกคน! ในที่สุดพวกคู่อริยอมไม่เอาเรื่องและกลับไป พ่อหันมาบอกกับผมว่า

 

  พ่อคงไม่สามารถไปพูดสอนใครได้อีกแล้ว
ถ้าหากลูกของพ่อเอง พ่อยังสอนไม่ได้เลย

 

ตอนนั้นผมหน้าชา มันเป็นวันที่ผมเจ็บปวดและเสียใจที่สุด ให้ผมโดนพวกมันทุกคนรุมกระทืบยังไม่เจ็บเท่าภาพที่เห็นพ่อต้องยกมือไหว้คนพวกนั้น และที่สำคัญคือ  ผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนอื่นมาดูถูกทั้งพ่อและพระเจ้าของผมในเวลาเดียวกัน

 

ตั้งแต่วันนั้นเอง ผมได้รู้แล้วว่าความเจ็บปวดจากการดำเนินชีวิตตามใจตัวเองมันเป็นยังไง และพระเจ้าช่วยกู้ผมให้รอดจากเหตุการณ์ร้ายๆ มาได้อย่างไรหลังจากเหตุการณ์นั้นผมแสวงหาพระเจ้ามากขึ้น  ผมติดตามพ่อไปเยี่ยมเยียนสมาชิก  ได้เห็นพ่อพูดหนุนใจและมีโอกาสได้หนุนใจและอธิษฐานเผื่อคนแก่และลูกหลานของเค้าบ่อยๆ  ก็หนุนใจตัวผมเองให้มีชีวิตที่ดีขึ้นไปด้วยพอผมเริ่มใช้เวลากับพี่น้องคริสเตียนมากขึ้นผมเลยเริ่มห่างจากเพื่อนๆ แว้น

 

หลังจากนั้น 1 ปีผ่านไป ผมก็ได้รับบัพติสมา และเริ่มแสวงหาพระเจ้า อย่างเอาจริงเอาจัง

 

Guy by Steve Halama

รูปถ่าย โดย  Steve Halama


การเป็นลูกผู้รับใช้ก็เช่นกันมันไม่ง่ายเลยแต่เมื่อผมนำปัญหาเหล่านั้นมาร้องทูลและพึ่งพาการช่วยเหลือจากพระเจ้าแทนที่จะดิ้นรนแก้ไขด้วยตัวเองผมกลับพบการช่วยกู้จากพระเจ้าในทุกปัญหาในชิวิตของผม 

 

และสิ่งที่ผมขอบคุณพระเจ้ามากยิ่งกว่าก็คือการที่มีพ่อกับแม่ที่เป็น ‘แบบอย่าง’ แห่งความอดทนความรักและความยำเกรงพระเจ้าให้ผมอยู่เสมอ  พ่อเป็นผู้สร้างรากฐานทางความเชื่อที่สำคัญให้ผมเติบโตกับพระเจ้าการที่ผมเองได้ใช้เวลากับพ่อที่รักพระเจ้าและติดตามพ่อไปในการรับใช้ตามที่ต่างๆมันทำให้ผมยิ่งรักพระเจ้ามากยิ่งขึ้นเพราะผมได้เห็นพระคุณความรักและพระเมตตาของพระเจ้าผ่านทางชีวิตการรับใช้ของพ่ออยู่เสมอ

เราเป็นครอบครัวผู้รับใช้ไม่ได้มีเงินทองทรัพย์สมบัติอะไรมากมายแต่เราก็ได้เห็นการเลี้ยงดูอย่างอัศจรรย์จากพระเจ้าไม่ขาด

พ่อชอบพูดถึงพระคำ โยชูวา 24:15 ให้ผมฟังเสมอและพ่อก็พิสูจน์ด้วยชีวิตของพ่อจริงๆ

 

แต่ส่วนข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้า
เราจะปรนนิบัติพระเจ้าโยชูวา 24:15

 

ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวคำพยานที่ผมอยากเล่าให้คุณได้ฟัง และอยากท้าทายคุณที่อยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกับผมให้กล้าและยอมจำนนต่อพระเจ้าตั้งแต่คุณยังเป็นคนหนุ่มสาว ผมเชื่อว่าไม่มีสิ่งใดที่ทรงพลังไปกว่าชีวิตที่ยอมจำนนในแผนการอันดีที่พระเจ้าทรงวางไว้ในชีวิตของเรา เมื่อเราเลือกที่จะกลับใจใหม่และรับเอาพระปัญญาของพระเจ้ามาใช้ในการดำเนินชีวิตของเราในทุกๆ วัน เราเองก็จะเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้าว่าเป็นอย่างไร เราจะไม่เคลิ้มไปตามกระแสค่านิยมของโลกนี้

ใน สดุดี 90:12 ก็ได้สอนเราให้นับวันในชีวิตของเรา จะดีแค่ไหนถ้าเราจะนับวันเวลาในชีวิตของเราที่เหลืออยู่บนโลกอันแสนสั้นนี้ตั้งแต่ที่เรายังหนุ่มสาว

 

“ขอพระองค์ทรงสอนให้นับวันของข้าพระองค์
เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะมีจิตใจที่มีปัญญา”
สดุดี 90:12

 

เพื่อที่เราเองจะดำเนินชีวิตอย่างคนที่มีปัญญา และหันมาใส่ใจชีวิตของตัวเองตั้งแต่ยังหนุ่มสาว เพื่อเราจะไม่พลาดจากสิ่งดีๆ และพระพรมากมายที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้ให้และเพื่อเราจะไปเป็นผู้ใหญ่ ที่จะเป็นแบบอย่างของคนที่รักและยำเกรงในพระเจ้าให้กับคนรุ่นต่อๆ ไป สุดท้ายนี้ ผมอยากฝากประโยคนึงที่พ่อเคยบอกกับผมไว้ว่า …

 

ชูใจ

 

ชีวิตเป็นของขวัญที่พระเจ้าประทานให้เรา
แต่การดำเนินชีวิต เป็นของขวัญที่เรามอบถวายแด่พระเจ้า

 

ด้วยรักและชูใจครับ 

 

 


พบกับ Featured คอลัมน์ทันกระแสสังคม หยิบจับเรื่องทั่วไปมาพูดใหม่ในมุมมองคริสเตียน ทุกวันพฤหัสสีส้มส้มนะคะ 


Previous Next

  • Author:
  • เฟิร์ส หนุ่มใต้สำเนียงทองแดงผู้ใจดี ผิวสีและนิสัยอบอุ่น มีดีกรีบริหารธุรกิจ เคยเป็นลูกผู้ชายสายแว้นมาก่อน ส่วนตอนนี้เอาพลังเหลือเฟือจากตีกัน มาตีกลองรับใช้พระเจ้าในด้านการนมัสการแทน
  • Illustrator:
  • Jostar
  • พี่ชายผู้อบอุ่นละมุนละไม เวลาใส่หมวกกันน๊อคแล้วนั่ลล๊าคดั่ง Pororo อดีตมาสเซอร์วิชาสอนศิลปะ ปัจจุบันถวายตัวรับใช้ที่โบสถ์สไตล์ลอฟๆ ชอบขีดๆ เขียนๆ วาดๆ
  • Editor:
  • Perapat T.
  • Blogger ผู้มากความสามารถในงานเขียน เป็นคริสเตียนที่เรียนสังคมวิทยา ฯ มาอย่างโชกโชน สเตตัสปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระ และ รับใช้พระเจ้าไปด้วย :)