ผู้เขียน NATALIE WALKER
ต้นฉบับภาษาอังกฤษจาก www.relevantmagazine.com
คนที่เราใช้เวลาด้วยล้วนมีส่วนในการปั้นแต่งตัวตนที่เราจะเป็นในอนาคตเหมือนอย่างที่ ดอน มิลเลอร์ ได้เล่าเอาไว้ในหนังสือเรื่อง Scary Close ว่า …
“เมื่อประมาณปีที่แล้ว ผมได้อ่านบทความนึงที่บอกว่า อีกห้าปีข้างหน้าเราจะกลายเป็น ‘ผล’
ของบรรดาผู้คนที่เราใช้เวลาด้วย อีกทั้งความสัมพันธ์มีส่วนสำคัญอย่างมากในการสร้างเรา มากกว่าการออกกำลังกาย การควบคุมอาหาร หรือการเสพสื่อต่างๆ ซะอีก หลังจากที่ผมได้อ่านบทความนั้นแล้ว ผมจึงเลือกคนที่จะใช้เวลาด้วยมากขึ้น”
– ดอน มิลเลอร์
สำหรับใครก็ตามที่ได้ยินเรื่องนี้ คงรู้สึกว่านี่เป็นแนวคิดที่เปิดโลกทัศน์มากทีเดียว แต่สำหรับคนโสดและกำลังคุยกับใครสักคนอยู่ คำพูดเหล่านี้เปรียบเสมือนน้ำเย็นที่สาดเข้าหน้าเราอย่างจัง! ลองคิดถึงคนสุดท้ายที่คุณคบดู แล้วถามตัวเองสิว่าคุณอยากจะเป็นเหมือนคนนั้นมากขึ้นรึเปล่า?
เป็นอะไรที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “คนที่เราใช้เวลาด้วยส่วนใหญ่นั้นมีอิทธิพลต่อชีวิตเราอย่างติดแน่นทนนาน ” ผู้ชายที่ฉันเคยคบด้วยมีอิทธิพลต่อการเลือกฟังเพลงของฉัน คำพูดที่ฉันใช้ เรื่องตลกที่ฉันเล่า และแม้แต่ของหวานสุดโปรดของฉันด้วย ส่วนฉันก็สร้างอิทธิพลให้พวกเขาชื่นชอบนักร้องคนโปรดของฉันอย่าง เทเล่อร์ สวิฟท์ หรือขับรถจี๊ป กระทั่งเปลี่ยนวิถีการกินของเขา แต่ไม่ว่าจะยังไง อิทธิพลจากพวกเขาจะยังทิ้งร่องรอยอยู่ในชีวิตฉันแม้ว่าความสัมพันธ์นั้นจะจบไปแล้วก็ตาม
เราต่างมีเหตุผลร้อยแปดที่ควรจะระมัดระวัง รอบคอบ และรู้จักเลือกคนที่เราจะให้เข้ามาอยู่ในชีวิตและหัวใจดวงน้อยๆ ของเรา แต่ก็อย่างที่รู้กันล่ะ เมื่อพูดถึงคำว่า “คบหาดูใจ” แล้วก็มักจะนำไปสู่ความคิดที่จะ “ปักหลัก”
ฉันคิดว่าการปักหลักเป็นการที่คุณยืนยันที่จะ “หยุดอยู่ตรงนี้” กับคนบางคนด้วยความหวังว่าในที่สุดเขาจะเปลี่ยนไปจนเป็นเหมือนคุณ มากกว่าที่คุณจะเปลี่ยนไปเป็นเหมือนเขา ถ้าคุณยังโสดอยู่ล่ะก็ คุณคงรู้ว่าฉันกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ก็คือ คนไหนก็ตามที่คุณไปเที่ยวด้วย พูดคุย และเพลิดเพลินไปกับการใช้เวลาด้วยนั่นแหละ แต่ในที่สุดแล้ว คุณก็ยังไม่ค้นพบคนที่ทำให้คุณคิดว่า “ฉันอยากจะเป็นอย่างคุณบ้างจัง” ซักที!
ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปซะหมด และในทุกความสัมพันธ์ทั้งสองฝ่ายจะพบว่าตัวเองเป็นอีกครึ่งหนึ่งของรูปวงกลมที่ไม่สมบูรณ์เสมอ ฉันมั่นใจเลยว่าผู้ชายที่ฉันเคยคบด้วยพิสูจน์ข้อเท็จจริงนี้มาแล้ว ดังนั้นลองคิดดูสิว่า คนที่เราคบหาดูใจด้วย รวมไปถึงคนที่เราจะแต่งงานด้วย ในที่สุดแล้วคนเหล่านั้นจะมีอิทธิพลต่อชีวิตเรา ดังนั้นการถามตัวเองว่า “แล้วฉันอยากจะเป็นอย่างคนนี้มากขึ้นหรือเปล่า?” มันก็คุ้มค่าที่จะคิดไม่ใช่เหรอ
ฉันใช้เวลาส่วนใหญ่กับวัยรุ่นและมักจะถามตัวเองเสมอว่า “ฉันอยากจะให้ลูกๆ ของฉันเป็นคนแบบนี้หรือเปล่า?” สาวๆ คะ ถ้าเกิดว่าลูกชายของคุณปฏิบัติต่อผู้หญิงแบบเดียวกับผู้ชายที่คุณคบอยู่ คุณจะมีความสุขไหม? ส่วนหนุ่มๆ คะ ถ้าลูกสาวของคุณมีพฤติกรรมคล้ายกับคนที่เขาคบด้วยตอนนี้ คุณจะพอใจหรือเปล่า?
พวกเราทุกคนล้วนแต่อยู่ในกระบวนการสร้างที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ดังนั้นคำถามก็คือ คุณกำลังจะสร้างตัวเองให้เป็นคนแบบไหน?
การรักษามาตรฐานให้สูงเข้าไว้เป็นสิ่งที่ดี แต่นั่นต้องไม่ใช่เพราะว่าเราสำคัญตัวผิดว่า ฉันต้องได้คนที่ “สมบูรณ์แบบ” หรอกนะ แต่เพราะว่าเราเองก็กำลังเติบโตและได้รับอิทธิพลจากสิ่งรอบข้าง พวกเราทุกคนล้วนอยู่ในกระบวนการสร้างที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ดังนั้นคำถามก็คือ คุณกำลังจะกลายเป็นคนแบบไหน?
ในอีกมุมนึง การที่เราตั้งมาตรฐานไว้สูงจะช่วยเราให้ยกระดับมาตรฐานชีวิตของเราตามขึ้นไปด้วย คุณอยากเจอชายหรือหญิงคนนั้นที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้คุณไปตลอดชีวิตหรือเปล่า?
ถ้าใช่ คุณต้องเริ่มจากการมองดูตัวเองในกระจกแล้วถามตัวเองด้วยว่า “นี่ฉันกำลังใช้ชีวิตในแบบที่จะดึงดูดคนแบบนั้นเข้ามาในชีวิตอยู่ไหม?”
ถ้าเราจะกลายเป็นคนแบบที่เราใช้เวลาด้วยจริงๆ ละก็ มันก็ช่วยไม่ได้เลยใช่ไหมล่ะที่ ‘แฟนของเราจะเปลี่ยนเรา’ ไม่ว่าจะในทางที่ดีขึ้นหรือแย่ลง ซึ่งก็เหมือนกับที่ ‘เราเองจะเปลี่ยนพวกเขา’ เพราะฉะนั้นเราควรฉลาดเลือกสิ่งที่จะมีอิทธิพลกับตัวเอง และยอมรับว่าเราก็มีส่วนรับผิดชอบกับอิทธิพลที่เราจะมีต่อคนอื่นด้วยเหมือนกัน
ในพระคัมภีร์เองก็ได้พูดถึงอิทธิพลของการคบหาของคนสองคนไว้ การที่เราเลือกใช้เวลากับคนประเภทไหน ก็ย่อมส่งผลต่อชีวิตของเราให้เป็นเหมือนคนประเภทนั้น…
“บุคคลที่เดินกับปราชญ์ ก็กลายเป็นคนฉลาด
แต่เพื่อนฝูงของคนโง่จะรับภยันตราย”
– สุภาษิต 13:20
“อย่าหลงเลย การคบคนชั่วย่อมเสียนิสัย”
– 1 โครินธ์ 15:33
เหล็กลับเหล็กได้ คนหนึ่งก็ลับเพื่อนของตนได้
– สุภาษิต 27:17
แต่ยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะที่เราเป็นคริสเตียน การที่เราใช้เวลากับพระเจ้าในแต่ละวัน คือการที่เราให้พระเจ้าเข้ามาเปลี่ยนเราทีละเล็ก ทีละน้อย ซึ่ง ‘ผล’ ดีก็จะค่อยๆ ปรากฏขึ้นทั้งต่อตัวเรา และต่อคนที่จะมาเป็นคู่ชีวิตเราด้วย
เหตุฉะนั้น ถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์
ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดเก่า ๆ ก็ล่วงไป
นี่แนะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น
– 2 โครินธ์ 5:17
เพราะการที่เรามีชีวิตที่ใกล้ชิดพระเจ้าจะทำให้เรามีชีวิตที่เหมือนพระองค์ และการที่เราเหมือนพระเยซูก็จะส่งอิทธิพลด้านบวกไม่ว่าจะกับเพื่อน แฟน หรือ คู่ชีวิตในอนาคตของเราก็ตาม ไม่เพียงแต่ความรักในพระเจ้าที่จะถ่ายทอดต่อกันและกันเท่านั้น ความคิด และทัศนคติในการดำเนินชีวิตก็จะสอดคล้องกันมากขึ้นๆ
ดังนั้น จงรายล้อมตัวคุณด้วยคนที่คุณอยากจะเป็นในอนาคต รอคอยชายหรือหญิงคนนั้นที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้คุณ แล้วตัวคุณในอนาคตจะซาบซึ้งในสิ่งคุณเลือกตอนนี้อย่างแน่นอน!
คอลัมน์ Love Coach บทความถามตอบปัญหาหัวใจ ปรึกษาปัญหาความรักแบบพี่อ้อยพี่ฉอดเวอร์ชั่นคริสเตียน และบทความแปลในประเด็นของความรัก ติดตามอ่านได้ทุกวันอังคารสีชมพูววววว ที่เว็บชูใจนะจ๊ะ